จากกรณีเมื่อวานนี้ (6 กันยายน) เกิดเหตุการณ์ชายหนุ่มใช้รถกระบะลักพาตัวเด็ก ที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ผู้เป็นแม่ของเด็กได้ติดตามทั้งแจ้งความ และแชร์ผ่านโซเซียล จนสืบทราบว่าชายคนดังกล่าวนั้นเป็นชาว อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร จึงประสานตำรวจในพื้นที่ เพื่อจะติดตามตัวคาดว่าจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเนื่องจาก ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า สุรพงษ์ แก้วกิ่ง ที่ถูกระบุตัวว่า คือคนที่อุ้มตัวเด็กนั้นได้โพสต์เฟซบุ๊ก ลักษณะข่มขู่ อาจทำมิดีมิร้ายกับตัวเด็ก
เมื่อวันที่ 7 กันยายน หลังจากได้รับการประสานงาน พล.ต.ต.สมประสงค์ พิมพิลา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร สั่งการให้ พ.ต.อ.วรพงษ์ พุ่มศิโร ผกก.สภ.วานรนิวาส พ.ต.ท.สุรินทร์ อุประโคตร รอง ผกก.สส.สภ.วานรนิวาส พร้อมชุดสืบสวน ดำเนินการติดตามตัวคนที่ลักพาตัวเด็ก เมื่อรวบรวมหลักฐานและการติดต่อสื่อสารต่างๆ จึงออกค้นหาจนทราบพิกัดชายรายนี้ กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถติดตามควบคุมตัว นายสุพงษ์ แก้วกิ่ง อายุ 22 ปี ได้ที่บ้านเพื่อนในเขตเทศบาลวานรนิวาส พร้อมเด็กชายวัย 5 ขวบ ที่ลักพาตัวมา โดยเด็กอยู่ในอาการปลอดภัยไม่มีอาการตื่นตระหนก หรืออิดโรย
สอบสวนทราบว่า นายสุพงษ์ เคยเป็นแฟนหนุ่มของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี แม่เด็กชายวัย 5 ขวบ ซึ่งเป็นชาว อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยระบุว่าตนเองได้ไปง้อขอคืนดีแฟนสาว ที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น แต่คุยกันไม่สำเร็จมีทะเลาะกัน จึงอยากเจอแฟนสาว เลยหาเงื่อนไขโดยการลักเด็กชายวัย 5 ขวบ ซึ่งไม่ใช่บุตรชายของ นายสุพงษ์ แก้วกิ่ง หลบหนีออกมาจากบ้านพักแล้วเดินทางกลับมาที่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ซึ่งห่างกันกว่า 200 กิโลเมตร และอยากให้แม่ของเด็กกลับมาหาตนถึงจะปล่อยตัวเด็ก
โดยเด็กนั้นอยู่กับตัวตลอดเวลามีการดูแลซื้อข้าวซื้อน้ำให้รับประทาน ไม่ได้ทำร้ายเด็กส่วนบาดแผลคล้ายเล็บบริเวณแขนซ้ายเกิดจากแม่ของ นายสุพงษ์ แก้วกิ่ง ทุบตี เพราะไม่พอใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากให้นำเด็กเดินทางกลับไปส่งคืนแม่ของเขา
ด้านผู้เป็นแม่ของเด็กและญาติๆ ได้ติดตามเดินทางมาที่ สภ.วานรนิวาส เมื่อเจอกับลูกชายถึงกับร้องไห้โฮด้วยความดีใจที่ลูกของตนเองนั้นปลอดภัย และไม่ได้เอ่ยถึงที่ไปที่มาของเหตุการณ์แต่อย่างใด
สำหรับนายสุพงษ์ แก้วกิ่ง อายุ 22 ปี เคยขับรถส่งสินค้าเมืองขอนแก่นต่อมาถูกไล่ออก จากนั้น จนท.ตำรวจ สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เจ้าของพื้นที่รับผิดชอบจะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่