ผู้ช่วยโค้ชสาวสวยทัพไก่ฟ้ามหากาฬ ถึงคราวเปิดใจกับทีมข่าว TNNSPORTS กับหลายประเด็นของทีมที่แฟนๆสงสัย ทั้งการไม่เสริมทัพ แม้ผู้เล่นเจ็บมากมาย อีกทั้งยังมีปัญหาโควิดช่วงท้าย ก่อนจะยืนยันว่าทำดีที่สุดแล้ว
หลังจบเกมสุดมันส์ของฝ่ายหญิงนัด 11 ของไทยแลนด์ลีก 2021-22 ระหว่าง นครนนท์ กับทางด้านขอนแก่น ที่ซัดกันไป 5 เซต สุดท้ายแล้วเป็นความยอดเยี่ยมของนครนนท์ ในวันที่พวกเธอมีผู้เล่น 9 คน (รวมลิเบอโร่ 2คน) มาเจอกับ ขอนแก่น ที่ฟอร์มดีและมาแบบฟูลทีม แต่ก็เป็นสาวไก่ฟ้าฯ ที่เอาชนะไปได้อย่างสุดยอด
นครนนท์ เป็นทีมที่มีเครื่องหมายคำถามสำหรับแฟนๆเยอะมาก ว่าทำไมทีมที่มักจะการันตีเข้าไฟน่อลส์โฟร์ทุกปีอยู่แล้ว จึงไม่เสริมทีม ? หลังจากปล่อย “บีม พิมพิชญา” ไปเล่นที่ญี่ปุ่น รวมทั้งการเสีย “ดาว กัตติกา” และ “แต้ว วาสนา” จากอาการบาดเจ็บไปในนัดที่ 3 กับโคราช ทำไมพวกเขาถึงให้เด็กดาวรุ่ง 17-19 ปี เป็นตัวแบก จนไม่สามารไปต่อได้ ?
และนี่คือทุกคำถามที่แฟนๆสงสัย ทางทีมข่าว TNNSPORTS ได้คำตอบมาแล้วจากปากของ “โค้ชอุ๊” จุฑารัตน์ มูลตรีพิลา หนึ่งในผู้ช่วยโค้ชของนครนนท์คนปัจจุบัน จะเป็นอย่างไรบ้าง เชิญรับชมรับฟังได้เลย
Q : หลังเลิกเล่นแล้วมาเป็นโค้ช การเป็นโค้ชหรือผู้ช่วยโค้ช แตกต่างกับตอนเป็นนักกีฬาขนาดไหน ?
อุ๊ จุฑารัตน์ : เอาจริงๆแล้วการเป็นโค้ชกับนักกีฬาก็แตกต่างกันมาก วุฒิภาวะก็ต่างกัน อย่างเราเป็นผู้เล่น ก็จะอีกแบบ ตอนนี้เราเป็นผู้ช่วยโค้ช เราก็มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากโค้ชมากกว่า เพราะตอนเราเป็นนักกีฬาเรามองไม่เห็นหรอกว่าโค้ชเขาทำอะไรบ้าง ? เราก็จะมองในมุมที่เราเห็นคือเป็นนักกีฬา เช่น ซ้อมอีกแล้ว ซ้อมหนักจัง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้เราก็รู้ว่า อ้อ ถ้าเราไม่ซ้อม ไม่อบอุ่นร่างกาย มันก็จะไม่ดี อะไรประมาณนี้ ส่วนการถ่ายทอดจากโค้ชใหญ่ ก็ไม่ได้สอนเราโดยตรง เราก็ต้องแสวงหาความรู้เอง เช่นเราจะซ้อม จะแข่งขัน มีแผนแบบไหน ฯลฯ เราก็ต้องเป็นครูพักลักจำเอาเอง คงไม่มีหรอกที่จะมาบอกตรงๆว่าตรงนี้ต้องแบบนั้น ตรงนั้นต้องแบบนี้ เพราะสไตล์โค้ชทุกคนก็ไม่เหมือนกันค่ะ
Q : ในการแข่งขันนัดที่3 กับโคราช ทีมต้องเสีย กัตติกา และ วาสนา จากอาการบาดเจ็บ ตอนนี้วิตกกังวลขนาดไหน ?
อุ๊ จุฑารัตน์ : ถ้าถามพี่ ก็ไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไรมากมายหรอกค่ะ แต่ก็จะเป็นห่วงนักกีฬาว่าเจ็บตรงไหน หนักขนาดไหน มากกว่า ในความคิดของพี่คือ คนที่อยู่ก็ต้องสู้ต่อไป ไม่ใช่ว่าเราไม่มี พี่ดาว , พี่แต้ว หรือพี่บีมที่ไปต่างประเทศเพื่ออนาคตเค้า เราจะหวังพึ่งคนอื่นอย่างเดียวไม่ได้ พี่ก็จะบอกน้องๆว่าสู้ต่อไป เราก็ต้องเล่น เราก็ต้องสู้ ได้มากได้น้อยเราก็ต้องสู้ คือจะคอยกระตุ้นและให้กำลังใจมากกว่าค่ะ
Q : ทำไมช่วงจบเลกแรกไม่มีการเสริมผู้เล่น ทั้งที่มีปัญหานักกีฬาบาดเจ็บเยอะแยะไปหมด ?
อุ๊ จุฑารัตน์ : อย่างที่ทุกคนทราบกันว่าทีมเราไม่มีสปอนเซอร์ ทีมเราจึงไม่มีงบประมาณเพื่อไปหาตัวผู้เล่นมาเสริมได้ แล้วนโยบายของทีมเราก็คือผลักดันนักกีฬาจากระดับเยาวชนที่เราสร้างขึ้นมามากกว่าด้วย นี่คือเหตุผลสำคัญที่เราไม่ได้เสริมใคร
Q: การที่ตัวหลักหลายๆคนไม่อยู่ทำให้ดาวรุ่งอย่าง ยูฟ่า (ดลพร) & กาฟิวส์ (อัมพา) ต้องขึ้นมาเป็นตัวหลัก พูดกับน้องๆยังไงในการต้องมารับหน้าที่ใหญ่ครั้งนี้ ?
อุ๊ จุฑารัตน์ : พี่ก็จะบอกว่า เนี่ยเป็นประสบการณ์เป็นโอกาสแล้วนะ เป็นสิ่งที่จะต้องเรียนรู้กับมัน ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ดีนะ ที่จะได้ทำหน้าที่แทนรุ่นพี่ เราอย่ามากลัวทีมอื่นๆ เพราะเค้าอายุเยอะกว่า ประสบการณ์เยอะกว่า เราต้องสู้กับมัน แสดงศักยภาพออกมาว่าเห้ย เราไม่ได้กลัวนะ ในสนามทำให้เต็มที่ ในสนามเราคือคู่แข่ง นอกสนามเราคือพี่น้องกัน ไม่ใช่เราจะเกรงกลัวทั้งในและนอกสนาม ไม่ใช่! นักกีฬาที่ดีจะต้องอ่อนน้อมถ่อมตนนอกสนาม แต่ในสนามต้องสู้ให้เต็มที่ พี่จะบอกน้องแบบนี้เสมอ
Q : นัดที่ 9-10-11 ทีมประสบปัญหามีนักกีฬาติดโควิดฯ ทำให้เกิดตัวทีเด็ดขึ้นมาอีกหนึ่งคน “เฟิร์ส อรอนงค์” จนท็อปสกอร์ทำไป 24 แต้มนัดเจอขอนแก่น จริงๆแล้วคนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?
อุ๊ จุฑารัตน์ : จริงๆแล้วน้องคนนี้ขึ้นมาเล่นในลีกตั้งแต่พี่เล่นแล้ว น้องเค้ามีความสามารถเลยแหละ สมัยเล่นมัธยมก็เป็นตัวหลักของทีม แต่ตอนพี่เล่น ตรงตำแหน่งนี้ มันก็มีคนอื่นที่เล่นอยู่ จึงทำให้โอกาสน้อย ซึ่งถามว่าน้องคนนี้เป็นรอง ยูฟ่า กับ กาฟิวส์ แค่ความสด เพราะสู้ความสดเด็กไม่ได้ แต่พอสองคนนี้ไม่พร้อมแข่ง น้องก็ต้องขึ้นมา ต้องโชว์ศักยภาพ พี่อ่ะดีใจมากที่เห็นน้องๆทุกคน ได้เล่น เล่นได้ และพัฒนาขึ้นมา พี่จะบอกน้องๆทุกคนเสมอว่า พวกพี่ไม่สามารถเล่นกับพวกเอ็งได้ตลอดเวลา ถึงคราวมันก็ต้องอำลากันไป เราต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ยืนหยัดสู้กับสิ่งที่ตัวเองรักให้ได้
Q : นัดที่ชนะขอนแก่นในเกม 11 นครนนท์มีผู้เล่นไปแค่ 9 คน (รวมลิบฯ) แล้วสามารถเอาชนะขอนแก่นได้ ตรงนี้พูดอะไรหลังเกมกับน้องๆบ้าง ?
อุ๊ จุฑารัตน์ : พูดกับน้องๆอยู่ค่ะว่า ดีใจด้วยนะ เพราะอย่างที่รู้ๆกันทีมเรามีปัญหา เราไม่ได้ซ้อมกันเลยจริงๆ พอมีเด็กติดโควิด ทุกคนก็ต้องกักตัว เพราะอยู่ด้วยกัน เสี่ยงเหมือนกันหมด ทำให้เราไม่สามารถซ้อมได้ แม้บางคนจะไม่ติดก็ตาม สัปดาห์สุดท้ายนี่ก็เช่นกัน เราก็ไม่สามารถซ้อมได้ เพราะสนามก็ต้องเป็นที่กักตัวเพื่อรักษานักกีฬา จึงทำให้ความปลอดภัยของนักกีฬาสำคัญกว่าผลชนะในตอนนี้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะชมเชยและให้กำลังใจ น้องๆเองก็สู้กันสุดตัวเช่นกัน
Q : ทีมไม่ได้เข้าไฟน่อลส์โฟร์ ตรงนี้ซีเรียสมั้ย แล้วแผนงานเบื้องต้นในซีซั่นหน้าเป็นอย่างไร ?

อุ๊ จุฑารัตน์ : แผนงานตรงนี้พี่ก็ยังไม่รู้นโยบายของผู้ใหญ่ แต่พอเราได้เกิดเหตุตรงนี้ ได้รู้ปัญหาตรงนี้ ทำให้คิดว่าปีหน้า ก็น่าจะมีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น สิ่งที่เห็นคือน้องๆทุกคนสู้ แม้ไม่มีผู้เล่น ทำให้พี่และพี่เอ็มเห็นว่าเราแทนกันได้ แต่ก็ต้องกลับมาพัฒนาฝีมือและยกระดับตัวเอง เพื่อไปสู้กันในปีต่อไป ส่วนไฟน่อลส์โฟร์ เราก็วางแผนกันไว้ก่อนเปิดฤดูกาลว่าเราอยากจะเข้า แต่ด้วยปัญหาหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น เราก็มองที่สุขภาพของเด็กๆและทีมงานเป็นหลัก มากกว่าผลการแข่งขันที่ตามมา ก็เลยไม่กดดันเด็ก ได้แค่ไหนก็แค่นั้น เราไม่เสียใจเลยที่เราทำกันเต็มที่แล้ว
Q : มีอะไรอยากจะฝากถึงแฟนๆนครนนท์เชิญเลยครับ
อุ๊ จุฑารัตน์ : อยากจะฝากถึงแฟนๆนะคะ ที่คอยเชียร์และเป็นกำลังใจให้พวกเรา แม้ปีนี้เราจะผ่านเข้ารอบไฟน่อลส์โฟร์ไม่ได้ก็ตาม เราสัญญาว่าปีหน้าเราจะพัฒนาและกลับมายืนในกลุ่มไฟน่อลส์โฟร์ให้ได้ค่ะ
สำหรับโปรแกรมนัดสุดท้ายของเลกที่สอง นครนนท์ จะพบกับ โปรเฟล็กซ์ อาร์เอสยู วีซี ในวันเสาร์ ที่ 19 ก.พ. 65 เวลา 17.00 น. ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ
เรียบเรียงโดย : นิก ธีร์ธวัช

