โยงตลาดปทุม
กทม.สอบโรค
ผู้ช่วยพยาบาล
รถเมล์ขสมก.วุ่น โชเฟอร์สาย 39 ติดเชื้อโควิด เผยไทม์ไลน์ไปซื้อของในตลาด 200 ปีรังสิต ปทุมธานีขณะที่กระเป๋ารถเมล์ปรับอากาศ สาย A3 ก็ติดเชื้อ พบไปเดินตลาดพรพัฒน์ ที่ปทุมฯ ด้วย ด้านผู้ช่วยพยาบาลกทม.ป่วย เร่งสอบสวนโรค ส่วนที่ขอนแก่นพบน.ร. 10 ขวบติดเชื้อโควิด หลังเดินทางไปงานตรุษจีนที่ปทุมธานีพร้อมกับพ่อ ก่อนตรวจเจอป่วยทั้งสองคน สสจ.ขอนแก่นเร่งระดมคัดกรองกลุ่มเสี่ยงในโรงเรียน 310 คน ศบค.เผยพบไทยติดเชื้อ เพิ่มอีก 82 ราย สมุทรสาครยังพบสูง 35 ราย เล็งขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก รับฉีดวัคซีนโควิด
ป่วยโควิดต่ำร้อยอีกวัน-เหลือ 82
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โรค โควิด-19 ประจำวัน ผ่านเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ว่า สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 111.23 ล้านราย เป็นรายใหม่ 4.03 แสนราย ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 10,971 ราย สะสม 2.46 ล้านราย ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 82 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 71 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย หายป่วย 59 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ส่งผลให้มีผู้ป่วยรวมสะสม 25,323 ราย รักษาหายแล้ว 24,129 ราย เหลือรักษาอยู่ 1,111 ราย เสียชีวิตสะสม 83 ราย ส่วนระลอกใหม่ผู้ติดเชื้อสะสม 21,086 ราย หายสะสม 19,952 ราย เสียชีวิตสะสม 23 ราย
ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่มาจาก 1.สมุทรสาคร 35 ราย สะสม 15,860 ราย 2.กทม. 6 ราย สะสม 947 ราย และ 3.จังหวัดอื่นๆ 30 ราย สะสม 3,363 ราย
เมื่อแยกตามประเภทผู้ป่วย พบว่า 1.มาจากระบบเฝ้าระวัง 27 ราย ได้แก่ สมุทรสาคร 19 ราย ปทุมธานี 2 ราย กทม. 2 ราย นครปฐม 2 ราย อ่างทอง 1 ราย และสมุทรปราการ 1 ราย 2.คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 44 ราย ได้แก่ กทม. 4 ราย ปทุมธานี 23 ราย สมุทรสาคร 16 ราย และอ่างทอง 1 ราย และ 3.ต่างประเทศ 11 ราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ประเทศละ 2 ราย เยอรมนี อินเดีย ไนจีเรีย ฝรั่งเศส เคนยา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน ประเทศละ 1 ราย
ภาพรวมสัปดาห์นี้มีการติดเชื้อ 19 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อในระลอกใหม่เลยมี 14 จังหวัด ไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 28 วัน มี 38 จังหวัด ไม่พบรายใหม่ 15-28 วัน มี 6 จังหวัด
‘มหาชัย’ติดเชื้ออีก 35
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครรายงานว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 35 ราย พบผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก 16 ราย เป็นคนไทย 5 ราย และคนต่างชาติ 11 ราย พบจากตรวจหา เชื้อในโรงพยาบาล 19 ราย เป็นคนไทย 12 ราย และคนต่างชาติ 7 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อสะสมมีทั้งหมด 16,020 ราย เป็นจากการค้นหา เชิงรุกทั้งคนไทย และคนต่างชาติรวม 13,429 ราย และจากการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลทั้ง คนไทยและคนต่างชาติ รวม 2,591 ราย
ส่วนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ณ ปัจจุบัน 339 ราย เป็นคนไทยที่อยู่ระหว่างการรักษา 218 ราย ต่างชาติ 121 ราย และ ผู้ที่อยู่ระหว่างการสังเกตอาการอีกรวม 219 ราย เป็นคนต่างชาติทั้งหมด ผู้ที่รักษาหายจากโรงพยาบาลกับผู้ที่เฝ้าสังเกตอาการจนครบกำหนดแล้วไม่พบเชื้อสามารถกลับบ้านได้รวม 15,455 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 7 ราย เป็นคนไทย 6 ราย และต่างชาติ 1 ราย
ขอนแก่นพบน.ร.10ขวบติดเชื้อ
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ โควิด-19 รายที่ 13 ของจังหวัด หลังผลการตรวจ ยืนยันติดเชื้อเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 19 ก.พ.
ผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นเด็กชายอายุ 10 ขวบ เรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเขตอ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น มีประวัติเดินทางกลับจากจ.ปทุมธานี ขณะนี้ผู้ป่วยถูกส่งต่อเข้ารับการรักษาแล้วที่ร.พ.ชุมแพ และทีมสอบสวนโรค รวมทั้งทีมแพทย์ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและตรวจสอบไทม์ไลน์ของผู้ป่วยราย ดังกล่าวตามขั้นตอนอย่างเข้มงวดแล้ว
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวและพ่อเดินทางไปร่วมงานตรุษจีนที่จ.ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 10-12 ก.พ. และเดินทางกลับมาที่ขอนแก่นในวันที่ 12 ก.พ. โดยพ่อทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในเขตอ.บ้านฝาง กระทั่งพ่อได้รับแจ้งจากครอบครัวที่จ.ปทุมธานี คือย่า และอาของผู้ป่วย มีอาการป่วย พ่อของผู้ป่วยจึงเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวเพียงคนเดียว ก่อนที่ย่าและอาของผู้ป่วยจะตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 เมื่อพ่อของผู้ป่วยไปถึงจ.ปทุมธานี ในวันที่ 17 ก.พ. จึงเข้ารับการตรวจ พบว่ายืนยันติดเชื้อเช่นกัน
เร่งคัดกรองกลุ่มเสี่ยงอีก 310
“เมื่อพ่อรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ยืนยันติดเชื้อและเข้ารับการรักษาที่ร.พ.ปทุมธานี จึงแจ้งไทม์ไลน์ให้กับทีมสอบสวนโรคทราบ จึงประสานงานร่วมกันระหว่างสสจ.ปทุมธานีและสสจ.ขอนแก่น จนนำมาสู่การรับตัวผู้ป่วยเข้ารับการตรวจคัดกรองที่ร.พ.บ้านฝาง เมื่อยืนยันพบว่าติดเชื้อ จึงถูกส่งต่อการรักษาไปที่ร.พ.ชุมแพ ขณะนี้ทีมสอบสวนโรคและทีมแพทย์ลงพื้นที่ตรวจคัดกรองตามมาตรการคุมเข้มทันที โดยแยกเป็นการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับพ่อของผู้ป่วย จำนวน 5 คน ที่ทำงานร่วมกันที่โรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ตรวจคัดกรองแล้วและถูกส่งตัวกลับไปกักตัวที่บ้าน ส่วนไทม์ไลน์ของเด็กอายุ 10 ขวบนั้นขณะนี้คณะทำงานมีคำสั่งคัดกรองนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนดังกล่าวทั้งหมด พบว่ามีมากถึง 310 คน โดยตลอดทั้งวันนี้คณะทำงานจะตรวจคัดกรองคนทั้งโรงเรียนให้แล้วเสร็จ และขยายผลไปยังโรงงานที่พ่อของผู้ป่วยทำงานและคนที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมากตามมาตรการอย่างเข้มงวด”
ด้านนพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์ สสจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ครอบครัวของผู้ป่วยมีทั้งหมด 8 คน โดย 2 คนคือพ่อและตัว ผู้ป่วยเดินทางไปที่จ.ปทุมธานี และยืนยันพบการติดเชื้อ โดยพ่อเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อของจ.ปทุมธานี ส่วนของลูกชายวัย 10 ขวบที่ตรวจพบการติดเชื้อเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมาเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อของจ.ขอนแก่น เป็นการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ การตรวจสอบคนในครอบครัวของผู้ป่วย 6 คนที่อยู่ที่ขอนแก่น อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการอย่างเข้มงวด รวมทั้งการตรวจสอบไทม์ไลน์ของผู้ป่วยว่าไปที่ใด หรือสัมผัสกลุ่มเสี่ยงใดบ้าง ขอให้ผู้ป่วยแจ้งรายละเอียดตามไทม์ไลน์ต่างๆให้ครบ เพื่อให้ทีมแพทย์ได้สอบสวนโรคและดำเนินการควบคุมและป้องกันอย่างเข้มงวด
โชเฟอร์รถเมล์สาย39ติดโควิด
วันเดียวกัน คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ออกประกาศระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2564 เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจ.ปทุมธานี นำรถพระราชทานเข้ามาตรวจเชิงรุก เพื่อหาเชื้อโควิด-19 ชุดที่ 2 ให้กับพนักงานองค์การ จำนวน 600 คน ที่อู่รังสิต เขตการเดินรถที่ 1 เพื่อตรวจหาเชื้อ
โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี แจ้งให้เขตการเดินรถที่ 1 ทราบว่า ตรวจพบพนักงานขับรถโดยสารปรับอากาศ สาย 39 ปฏิบัติหน้าที่ขับรถโดยสารช่วงกะบ่าย เพศชาย 1 คน ติดเชื้อ และนับเป็นรายที่ 3 โดยพนักงาน มีที่พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเปรมปรีดิ์ ต.ประชา ธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงให้พนักงานรออยู่ที่บ้าน เพื่อให้รถพยาบาลนำไปรักษาที่ร.พ.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ขสมก.จึงดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามแนวทางการปฏิบัติ
สำหรับไทม์ไลน์ พนักงานสรุปได้ ดังนี้ วันที่ 11 ก.พ. พนักงานลากิจไปติดต่อราชการที่ศาลธัญบุรี และเดินทางไปพบญาติ ที่หมู่บ้าน พฤกษา เขตดอนเมือง
วันที่ 12 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 39 หมายเลข 1-44105 ตั้งแต่เวลา 13.00-20.05 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 13 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 39 หมายเลข 1-44105 ตั้งแต่เวลา 11.00-18.40 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 14 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 39 หมายเลข 1-45094 ตั้งแต่เวลา 11.40-19.40 น. หลังเลิกงานได้เดินทางไปซื้อของที่ตลาด 200 ปี รังสิต และกลับที่พักอาศัย
วันที่ 15 ก.พ. วันหยุดประจำสัปดาห์ พนักงานผู้ติดเชื้อพักผ่อนอยู่ที่บ้าน วันที่ 16 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 39 หมายเลข 1-45010 ตั้งแต่เวลา 11.30-19.35 น. หลังเลิกงาน กลับที่พักอาศัยทันที วันที่ 17 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 39 หมายเลข 1-45010 ตั้งแต่เวลา 12.20-21.10 น. หลังเลิกงาน กลับที่พักอาศัยทันที
พบประวัติไปตลาด200ปีรังสิต
วันที่ 18 ก.พ. ได้รับการตรวจหาเชื้อ หลังจากนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย 39 หมายเลข 1-45010 ตั้งแต่เวลา 12.20-21.10 น. หลังเลิกงาน เดินทางไปซื้อของที่ตลาด 200 ปี รังสิต และกลับที่พักอาศัย วันที่ 19 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร ปรับอากาศ สาย 39 หมายเลข 1-45010 ตั้งแต่เวลา 12.20-21.15 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 20 ก.พ. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขจ.ปทุมธานี ว่าพนักงานเป็นผู้ติดเชื้อ จึงให้ไปเข้ารับการรักษาที่ร.พ.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
พนักงานผู้ติดเชื้อปฏิบัติหน้าที่ในช่วง กะบ่ายซึ่งเป็นกะสุดท้ายของแต่ละวัน จึงไม่มีพนักงานขับรถคนใดนำรถไปขับต่อ อีกทั้งเมื่อพนักงานขับรถนำรถกลับเข้าอู่เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในแต่วัน จะมีการฉีดพ่นทำความสะอาดภายในรถโดยสารทันทีด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% จึงมั่นใจได้ว่ารถโดยสารขององค์การมีความสะอาด ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
นอกจากนี้ ได้พักการใช้งานรถโดยสารปรับอากาศ สาย 39 จำนวน 3 คัน ที่พนักงานผู้ติดเชื้อได้ปฏิบัติหน้าที่ ได้แก่รถโดยสารหมายเลข 1-44105, หมายเลข 1-45094 และหมายเลข 1-45010 เป็นระยะเวลา 3 วัน เพื่อฉีดพ่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคภายในรถ รวมถึงอู่จอดรถ และท่าปล่อย รถโดยสาร ขสมก.ตรวจสอบ พบว่าพนักงานเก็บค่าโดยสาร 3 คน ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารคันเดียวกับพนักงานผู้ติดเชื้อ จึงให้พนักงานเก็บค่าโดยสารดังกล่าวหยุดงานไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาเชื้อ
กระเป๋ารถเมล์สาย A3 ก็ติดเชื้อ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจ.ปทุมธานี แจ้งให้เขตการเดินรถที่ 1 ทราบว่าตรวจพบพนักงานเก็บค่าโดยสารรถปรับอากาศ สาย A3 ปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารช่วงกะบ่าย เพศหญิง 1 คน มีที่พักอาศัยอยู่ ที่หมู่บ้านกฤษณา 1 ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ติดเชื้อโควิด จึงให้พนักงานรออยู่ที่บ้าน เพื่อให้รถพยาบาลนำไปรักษาที่ร.พ.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
สำหรับไทม์ไลน์ของพนักงานดังกล่าว ระหว่าง 11-18 ก.พ.2564 มีดังนี้
วันที่ 11 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารธรรมดา สาย 95 ก หมายเลข 1-50119 ตั้งแต่เวลา 13.30-16.30 น. หลังเลิกงานได้ไปที่ตลาดพรพัฒน์และกลับที่พักอาศัย
วันที่ 12 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศสาย 510 หมายเลข 1-70257 ตั้งแต่เวลา 13.15-20.35 น. หลังเลิกงานได้ไปที่ตลาดพรพัฒน์และกลับที่พักอาศัย
วันที่ 13 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศสาย A3 หมายเลข 1-70305 ตั้งแต่เวลา 13.40-21.55 น. หลังเลิกงานได้ไปที่ตลาดพรพัฒน์และกลับที่พักอาศัย
เผยไทม์ไลน์ไปตลาดพรพัฒน์
วันที่ 14 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศสาย A3 หมายเลข 1-70305 ตั้งแต่เวลา 14.20-22.40 น. หลังเลิกงานได้ไปที่ตลาดพรพัฒน์และกลับที่พักอาศัย
วันที่ 15 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศสาย A3 หมายเลข 1-70305 ตั้งแต่เวลา 13.30-22.20 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 16 ก.พ. วันหยุดประจำสัปดาห์พนักงานผู้ติดเชื้อได้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน
วันที่ 17 ก.พ. ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศสาย A3 หมายเลข 1-70305 ตั้งแต่เวลา 14.15-22.20 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 18 ก.พ. ได้รับการตรวจหาเชื้อ จากนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารปรับอากาศ สาย A3 หมายเลข 1-70305 ตั้งแต่เวลา 13.30-21.15 น. หลังเลิกงานได้กลับที่พักอาศัยทันที
วันที่ 19 ก.พ. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีว่าพนักงานเป็นผู้ติดเชื้อ จึงให้ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต
ทั้งนี้พนักงานผู้ติดเชื้อได้ปฏิบัติหน้าที่ ในช่วงกะบ่ายซึ่งเป็นกะสุดท้ายของแต่ละวัน จึงไม่มีพนักงานขับรถคนใดนำรถไปขับต่อ อีก ทั้งเมื่อพนักงานขับรถนำรถกลับเข้าอู่เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในแต่วัน จะมีการฉีดพ่นทำความสะอาดภายในรถโดยสารทันทีด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% จึงมั่นใจได้ว่ารถโดยสารของขสมก.มีความสะอาดปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ขสมก.พักการใช้งานรถโดยสาร 3 คัน ที่พนักงานผู้ติดเชื้อได้ปฏิบัติหน้าที่ได้แก่รถโดยสารธรรมดา สาย 95 ก หมายเลข 1-50119, รถโดยสารปรับอากาศ สาย 510 หมายเลข 1-70257 และรถโดยสารปรับอากาศ สาย A3 หมายเลข 1-70305 เป็นระยะเวลา 3 วัน เพื่อทำการฉีดพ่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคภายในรถ รวมถึงอู่จอดรถและท่าปล่อยรถโดยสาร
อย่างไรก็ตาม มีการตรวจสอบพบว่าพนักงานขับรถโดยสาร 3 คนปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสารคันเดียวกับพนักงานผู้ติดเชื้อ จึงให้พนักงานขับรถโดยสารดังกล่าวหยุดงานไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ
ปทุมฯป่วยติดโควิดอีก16
วันเดียวกัน สำนักงานสาธารณสุขจ.ปทุมธานี รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 16 ราย จากการค้นหาเชิงรุกทั้ง 16 ราย แบ่งเป็นคนไทย 12 คน และต่างด้าว 4 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมในการระบาดระลอกใหม่ รวม 442 ราย
ผู้ช่วยพยาบาลกทม.ติดโควิด
วันเดียวกัน นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยว่า สัปดาห์นี้มีผู้ติดเชื้อใน 19 จังหวัด รวม 918 ราย ไม่มีการติดเชื้อ 58 จังหวัด สำหรับผู้ติดเชื้อวันนี้ กทม.พบ 1 ราย เป็นผู้ช่วยพยาบาล ต้องสอบสวนต่อว่ามีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับ ผู้ป่วยที่มารักษาในร.พ.มากน้อยอย่างไร ส่วนนครปฐมผู้ติดเชื้อเกี่ยวข้องกับโรงงาน ที่เคยระบาดไปก่อนหน้านี้แล้ว
สำหรับกรณีตลาดพรพัฒน์ จ.ปทุมธานี ยังพบผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวัง โดยปทุมธานี พบ 2 ราย อ่างทองและสมุทรปราการ จังหวัดละ 1 ราย สำหรับการค้นหาเชิงรุกชุมชน โดยรอบตลาดพรพัฒน์ และพื้นที่เสี่ยงและตลาด 7 พื้นที่ พบป่วยติดเชื้อรวมกัน 415 ราย มีกระจายหลายจังหวัด โดยแต่ละจังหวัด ที่กระจายไปจะมีการรายงานพรุ่งนี้เพิ่มเติม ทั้งจังหวัดใกล้เคียงและจังหวัดที่ห่างออกไป
“ภาพรวมสมุทรสาครเริ่มลดลง ติดเชื้อแต่ละวันไม่เกิน 100 ราย ถือว่าควบคุมโรคได้พอสมควร กทม.สัปดาห์นี้ติดเชื้อวันละ ไม่เกิน 10 ราย ส่วนปทุมธานียังมีรายงาน ต่อเนื่อง สัปดาห์นี้รายงานเข้ามาค่อนข้างมาก จากการระบาดของตลาดพรพัฒน์ ตลาดสุชาติ และชุมชนรอบข้างด้วย ดังนั้น ผู้ที่เคยไปซื้อของตลาดพรพัฒน์ เพื่อไปขายต่อหรือกลับบ้าน ช่วยดูแลตัวเองด้วยการสวมหน้ากากตลอดเวลา ช่วงนี้กักตัวที่บ้าน 14 วัน อย่าเพิ่งออกมาพบปะคนจำนวนมาก เพื่อลดเสี่ยงแพร่โรคคนอื่นต่อ สรุปสถานการณ์พบผู้ติดเชื้อหลักในกทม. ปริมณฑล สมุทรสาคร และอ่างทอง สถานการณ์ผ่อนคลายมากขึ้นหลายจังหวัด กำลังปรับมาตรการผ่อนคลายทั้งร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างๆ หรือร้านค้าต่างๆ ให้ใช้บริการมากขึ้น มีกิจกรรมได้มากขึ้น จำนวนคนมากขึ้น ส่วนจังหวัดที่เสี่ยงต้องป้องกันตนเอง ลดเสี่ยงด้วยการสวมหน้ากากตลอดเวลา เมื่ออยู่นอกบ้านหรือใช้ขนส่งสาธารณะ ซึ่งตอนนี้กังวลเพราะมีแนวโน้มคนสวมหน้ากากน้อยลง สวมผิดวิธี สวมไว้ใต้จมูกใต้คาง เป็นสาเหตุที่ทำให้แพร่เชื้อติดเชื้อเพื่มเติมได้”
นพ.จักรรัฐกล่าวต่อว่า วัคซีนโควิด-19 จำนวน 2 แสนโดสแรก จะฉีดกลุ่มเสี่ยง 1 แสนคนก่อน ฉีดแล้วต่อรอสร้างภูมิคุ้มกัน ประเด็นสำคัญคือ ฉีดแล้วช่วยป้องกันไม่ให้ป่วย หรือป่วยรุนแรง ลดเสี่ยงเสียชีวิต ยังมีข้อมูลไม่มากพอว่าป้องกันการแพร่เชื้อได้ ดังนั้น แม้ฉีดวัคซีนแล้วยังต้องป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อหรือแพร่เชื้อต่อได้ ด้วยการสวมหน้ากาก เพราะหากติดเชื้อและแพร่เชื้อต่อไปสู่คนมีโรคประจำตัวกลุ่มเสี่ยงต่างๆ อาจป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ จนกว่าจะมีการฉีดวัคซีนที่มากเพียงพอ
จ่อต่อพรก.ฉุกเฉินอีกรอบ
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ จะมีการพิจารณาขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ว่า ต้องพิจารณา เพราะว่าพ.ร.ก.ที่ประกาศไว้จะหมดอายุแล้ว ประกอบกับเกิดกรณีการติดเชื้อที่จ.ปทุมธานี ดังนั้น ศบค.วงเล็กจะต้องเสนอเข้ามา แต่มีโอกาสที่จะผ่อนผัน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการประชุมศบค.วันจันทร์ที่ 22 ก.พ. ในช่วงบ่าย จากนั้นวันอังคารที่ 23 ก.พ. จะนำเข้าการประชุมครม. ดังนั้นการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน ก็ยังต้องดูกันอีกที