ป่วยนิวไฮ1.3หมื่น
เสียชวตอีก108
เจ้าอาวาสวัดดัง
ติดเชื้อมรณภาพ
ไทยเข้าโคแวกซ์
ขอโทษวัคซีนช้า
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
สลดตายโควิดข้างถนน 4 ศพกลางกรุง จนท.ระดมเก็บศพ ที่ประจวบฯ ครูสาวสอนพิเศษเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนไขว้ได้เพียงวันเดียว ส่งศพผ่าพิสูจน์ เจ้าอาวาสวัดดังราชบุรี พระนักพัฒนามรณภาพจากโควิด ไทยติดเชื้อ รายวันนิวไฮ 1.3 หมื่น ตายอีก 108 ศบค.เพิ่มคนท้อง 12 สัปดาห์เป็นกลุ่มเสี่ยงต้องได้รับการฉีดวัคซีน เตรียมขึ้นทะเบียนฉีดวัคซีนคนต่างชาติที่อยู่ในไทย ที่ขอนแก่นเจอคลัสเตอร์ใหม่ในเรือนจำ จนท.ผู้ต้องขังป่วย 315 ราย ส่วนปัตตานีก็เจอติดเชื้ออื้อในเรือนจำ ไทยกลับลำขอเข้าร่วมโครงการ ‘โคแวกซ์’ ปีหน้า ขอรับถ่ายทอดเทคโนโลยีแพลตฟอร์มอื่น ขอโทษคนไทยจัดหาวัคซีนล่าช้า ไม่เพียงพอ ไม่ทันการระบาดและกลายพันธุ์ เหตุคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ เร่งจัดหาเพิ่มทั้งปีนี้และปีหน้า เน้นวัคซีนรุ่น 2 รองรับกลายพันธุ์
ติดเชื้อนิวไฮ 1.3 หมื่น-ตายอีก 108
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,002 ราย สะสม 439,477 ราย รักษาหาย 8,248 ราย หายสะสม 304,456 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 108 ราย เสียชีวิตสะสม 3,610 ราย ยังรักษาอยู่ 131,411 ราย อยู่ในร.พ. 74,168 ราย ร.พ.สนาม 57,23 ราย อาการหนัก 3,786 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 879 ราย
มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 257,876 โดส รวมสะสม 14,805,120 โดส โดยกทม.และปริมณฑลมีการรายงานฉีดวัคซีนเพิ่มกลุ่มสูงอายุและโรคประจำตัว ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่สีแดงเข้มรณรงค์ขอให้ ผู้สูงอายุรับการฉีดวัคซีนมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้เสียชีวิต 108 ราย มาจากกทม. 40 ราย สมุทรสาคร 13 ราย สงขลา 7 ราย ยะลา 6 ราย นครปฐม ปทุมธานี ปราจีนบุรี จังหวัดละ 4 ราย สมุทรปราการ นครนายก จังหวัดละ 3 ราย นราธิวาส ปัตตานี ชลบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา และร้อยเอ็ด จังหวัดละ 2 ราย นนทบุรี สระแก้ว ขอนแก่น อุบลราชธานี กำแพงเพชร นครสวรรค์ ชัยนาท พิษณุโลก สุโขทัย และนครศรีธรรมราช จังหวัดละ 1 ราย ถือว่า ต่างจังหวัดมีการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น เป็นชาย 59 ราย หญิง 49 ราย อายุ 25-96 ปี ค่ากลาง 66 ปี โรคประจำตัวยังเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และโรคไต กรณี ผู้ป่วยต้องล้างไตหรือฟอกเลือดเมื่อมีอาการติดเชื้อจะทำให้อาการทรุดลงและอาจเสียชีวิตจากโรคประจำตัว จำนวนวันนอนร.พ.มี 42 รายเสียชีวิตตั้งแต่ทราบผลไม่เกิน 6 วัน จึงขอเน้นย้ำหากใครอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและมีอาการทางเดินหายใจขอให้รีบตรวจโดยเร็ว
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดรายงานติดเชื้อสูงสุด เป็นสีแดงเพิ่มขึ้นเกือบหมด ได้แก่ 1.กทม. 2,921 ราย สะสม 120,613 ราย 2.สมุทรสาคร 932 ราย สะสม 19,492 ราย 3.นนทบุรี 661 ราย สะสม 18,417 ราย 4.สมุทรปราการ 656 ราย สะสม 29,032 ราย 5.ชลบุรี 636 ราย สะสม 17,161 ราย 6.ฉะเชิงเทรา 374 ราย สะสม 6,080 ราย 7.ปทุมธานี 350 ราย สะสม 16,100 ราย 8.ระยอง 305 ราย สะสม 3,767 ราย 9.ปัตตานี 282 ราย สะสม 6,530 ราย และ 10.พระนคร ศรีอยุธยา 235 ราย สะสม 5,387 ราย
“ที่น่าสนใจคือต่างจังหวัดมีผู้ติดเชื้อเดินทางกลับไปจากกทม. ปริมณฑล และชลบุรี พระนครศรีอยุธยา เช่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มาจากแคมป์ก่อสร้าง อ.วังน้อย จ.พระนครศรี อยุธยา, ศรีสะเกษ ขอนแก่น ซึ่งเชื่อมโยงกับตลาดราชวัตร กทม. และนครราชสีมา เป็นต้น ขอความร่วมมือกรณีไปตรวจหาเชื้อแล้วรายงานเป็นบวก ขอให้เข้าระบบการรักษาโดยไม่ต้องเคลื่อนย้าย
ข้างถนน – ศพชายติดโควิด นอนเสียชีวิตอยู่ริมถนนราชดำเนินกลาง หน้าศึกษาภัณฑ์ เขตพระนคร กทม. ตั้งแต่ช่วงเช้ากระทั่งค่ำจึงมี เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจเข้ามาเก็บศพ ทั้งนี้วันเดียวกันยังพบผู้เสียชีวิตข้างถนนอีก 3 ราย เมื่อ 20 ก.ค.
5เขตกทม.ติดเดลตาเกือบหมด
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า กรมการแพทย์รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อในกทม.ซึ่งผู้ป่วย รายใหม่กว่าหมื่นราย ระดับอาการส่วนใหญ่ยังเป็นสีเขียวหรือเขียวเข้ม คือไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย เพราะอายุน้อยเป็นวัยแรงงาน รวมกันเกือบ 80% ส่วนกลุ่มสีเหลืองและสีแดงตัวเลขเริ่มสูงขึ้น กระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำเสมอว่า เราพยายามสงวนเตียงในระดับร.พ.หรือไอซียูสนามเพื่อรับ สีเหลืองสีแดง ส่วนกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์รายงานพบการระบาดสายพันธุ์เดลตาเกิน 50% ในหลายจุด โดย 5 เขตในกทม.ที่เป็นเดลตาเป็นหลัก ได้แก่ จตุจักร บางรัก จอมทอง คลองเตย และหลักสี่ ทำให้กทม.พยายามมุ่งเป้าจัดทีมแก้ไขเชิงรุกในชุมชน CCR Team ค้นหาผู้ป่วยในชุมชน และรับการรักษาอย่างเร็วที่สุด
ฉีดเพิ่มหญิงท้อง 3 เดือนขึ้นไป
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า เตียงโควิดที่เปิดตอนนี้เป็นส่วนขยายเตียงจริงๆ เต็มไปแล้ว การตอบโจทย์อยู่ที่การแยกกักที่บ้านและชุมชน ซึ่งศูนย์พักคอยในชุมชนกทม.นั้น ผอ.ศบค.มีนโยบายให้จัดขึ้นอย่างน้อย 50 เขตเขตละ 1 แห่ง หากเปิดได้ 100 เตียง ก็จะรองรับได้ 5 พันเตียง หากเป็น 200 เตียง ก็จะได้ 1 หมื่นเตียง หรือหากได้เขตละ 2 ศูนย์ ศูนย์ละ 100 เตียง ก็จะได้ 1 หมื่นเตียงเช่นกัน ยิ่งเป็น 200 เตียง ก็จะได้ 2 หมื่นเตียง เพื่อรองรับอาการเขียวที่มีสัดส่วน 80% ของการติดเชื้อ วันนี้กทม.รายงานจัดตั้งศูนย์พักคอยแล้ว 49 แห่งใน 47 เขต เปิดดำเนินการรับแล้ว 19 แห่ง รองรับได้ 5,365 เตียง
“ที่ประชุมพูดคุยถึงเรื่องการให้วัคซีน โดยกรมควบคุมโรคสรุปว่ามีการเพิ่มหญิงตั้งครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ให้ได้รับการฉีดวัคซีนด้วย และหญิงท่านใดที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน แต่มีประวัติไม่แน่ใจว่า จะตั้งครรภ์ขอให้ไปตรวจครรภ์ก่อนที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน และจะมีการเพิ่มหญิงตั้งครรภ์เกิน 12 สัปดาห์บวกเข้าไปในกลุ่มเสี่ยง คือสูงอายุ 7 กลุ่มโรค ดังนั้นกลุ่มโรคเสี่ยงจะเพิ่มเป็น 8 โรค นอกจากนี้พูดถึงการให้วัคซีนกับคนต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย จากนี้ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยซึ่งเป็นคนต่างชาติที่จะเป็นคู่สมรสของคนไทย หรือเป็นผู้ประกอบอาชีพอยู่ในประเทศไทยในบริษัทต่างๆ มีถิ่นพำนักในประเทศไทย จะได้โอกาสไปลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีน เบื้องต้นจะเป็นที่ SCG ดังนั้น ขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารด้วย ว่าจะต้องลงทะเบียนอย่างไร ส่วนนักเรียนไทยที่มีกำหนดเดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศวันนี้ที่ประชุมมีข้อสรุปที่จะมานำเรียนในลำดับต่อไป”
สลดดับโควิด 4 ศพข้างถนน
โฆษกบช.น.เผย 4 ศพในพื้นที่ กทม. ติดเชื้อโควิด-19 2 ราย อีก 2 รายอยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพ ยอมรับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอน อาจเกิดความล่าช้า แต่ไม่ได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีพบผู้เสียชีวิต 4 รายในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ทั้งพื้นที่สน.สำราญราษฎร์ สน.ชนะสงคราม และสน.ทองหล่อ ว่า ทั้ง 4 ราย พบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างการชันสูตรพลิกศพ โดยกรณีแรกในพื้นที่ สน.ชนะสงคราม เสียชีวิตภายในตรอกบ้านพานถม แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าตั้งแต่เวลา 11.00 น. ว่ามีผู้เป็นลมล้มกลางถนน ตำรวจประสานแพทย์ช่วยเหลือให้โดยออกซิเจน และกู้ชีพให้การช่วยเหลือ จนกระทั่งเวลา 17.00 น.ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ จึงประสานแพทย์นิติเวช ร.พ.วชิรพยาบาลเข้าตรวจสอบ พบว่าผู้ตายมีอาการปอดอักเสบและไข้สูง 38.5 องศา ก่อนในเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊งเก็บศพไปพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช ร.พ.วชิรพยาบาล ก่อนพบว่าติดเชื้อ โควิด-19 กรณีนี้เจ้าหน้าที่ทำการช่วยชีวิต 2-3 ชั่วโมง ดำเนินการตามกระบวนการทุก ขั้นตอน ซึ่งโซเชี่ยลบางโซเชี่ยลให้ข้อมูล ไม่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนรายที่ 2 ตำรวจรับแจ้งเหตุเวลา 18.31 น. ว่ามีผู้เสียชีวิตบริเวณหน้าศึกษาภัณฑ์ ถนนราชดำเนิน แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร พบศพนายเสรี เรืองโรจนฤทธิ์ อายุ 59 ปี ชาวระยอง ประสานแพทย์นิติเวช ร.พ.วชิรพยาบาล เข้าตรวจสอบเวลา 19.15 น. เจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊งเก็บศพไปพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช ร.พ.วชิรพยาบาล เบื้องต้นอยู่ระหว่างรอผลตรวจว่ามีการติดเชื้อโควิดหรือไม่
รายที่ 3 ในพื้นที่สน.สำราญราษฎร์ พบ ผู้เสียชีวิต คือนายบรรพต เจิมเจนการ อายุ 81 ปี ภายในบริเวณวัดสุทัศน์ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่นิติเวช ร.พ.ตำรวจ เข้าเก็บศพในเวลา 21.00 น. จากการชันสูตรพลิกศพพบผลตรวจติดเชื้อโควิด-19
ส่วนรายที่ 4 ในพื้นที่สน.ทองหล่อ พบ ผู้เสียชีวิต บริเวณหน้าศูนย์การค้าเทสโก้ โลตัส สาขาพระรามที่ 4 ไม่มีเอกสารประจำตัว เป็นชายเร่ร่อน ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเวลา 20.53 น. ต่อมาเวลา 23.15 น.แพทย์นิติเวช ร.พ.จุฬาฯ ชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นพบไม่ติดเชื้อโควิด-19 โดยตำรวจสน.ทองหล่อ ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วหลังรับแจ้ง
ตร.ยอมรับช่วยเหลือล่าช้า
“ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนพยายามปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เริ่มจากตำรวจเป็นผู้รับแจ้ง เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยความระมัดระวัง โดยจัดเตรียมสถานที่ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เด็ดขาดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ จากนั้นประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือแพทย์นิติเวช และมูลนิธิกู้ภัย ยอมรับว่ามีความล่าช้าไปบ้าง แต่ไม่ได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจาก บางรายเจ้าหน้าที่ต้องกู้ชีพ อีกทั้งการเก็บศพกรณีเช่นนี้ต้องมีขั้นตอนมากกว่าเก็บศพทั่วไป และที่สำคัญมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด อย่างต่อเนื่อง จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง อยากให้ประชาชนเห็นใจผู้ปฏิบัติ” พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
ด้านน.ส.ชุติมา เจิมเจนการ อายุ 32 ปี บุตรสาวของนายบรรพตเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นโรคหัวใจ และรักษาตัวมานาน และไม่ติดใจในการเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพบนายบรรพตเสียชีวิตจากโควิด ทางวัดสุทัศน์ได้สอบสวน ผู้สัมผัสใกล้ชิดและกักตัวผู้ใกล้ชิดทุกคน และทำการฉีดพ่นฆ่าเชื้อบริเวณโดยรอบวัด
สำหรับผู้เสียชีวิตที่บริเวณตรอกบ้าน พานถม เป็นชายอายุประมาณ 40-50 ปี ไม่มีเอกสารติดตัว จึงไม่ทราบชื่อบุคคล
ตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ช่วงเวลา 10.00 น. ผู้ตายเดินออกมาจากย่านชุมชน เมื่อมาถึงบริเวณดังกล่าวก็ล้มลง แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่าผู้ตายเป็นคนเร่ร่อน และติดเชื้อโควิด-19 จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้าช่วยเหลือ กระทั่งเวลา 14.00 น. มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยใส่ชุดป้องกันมาช่วยให้ออกซิเจน จนเวลา 16.00 น. ชายดังกล่าวเสียชีวิต จากนั้นชาวบ้านแจ้งไปยังหลายหน่วยงาน แต่ไม่มีหน่วยงานใดมาเก็บศพ กระทั่งเวลา 22.30 น. ทีมมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าดำเนินการเก็บศพแล้ว
เผยติดเชื้อโควิด 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชายที่เสียชีวิตบนถนนตรงข้ามวัดบวร ชื่อนายสมเกียรติ เรือนขาว อายุ 46 ปี ชาวจ.ระยอง ผลตรวจ จากร.พ.วชิรพยาบาล พบเป็นบวก ติดเชื้อ โควิด-19 ส่วนนายเสรี เรืองโรจน์ฤทธิ์ ร.พ. วชิรพยาบาล แจ้งผลตรวจเป็นลบ อย่างไรก็ตามต้องรอผลตรวจพีซีอาร์ยืนยันอีกครั้ง
ขณะที่ศพชายไทยไม่ทราบชื่อนอนเสียชีวิตบริเวณทางเท้าหน้าศูนย์การค้าเทสโก้โลตัส สาขาพระราม 4 แขวงคลองเตย ร.พ.จุฬาฯ แจ้งผลตรวจเบื้องต้นไม่พบเชื้อ และนายบรรพต เจิมเจนการ อายุ 81 ปี ร.พ.ตำรวจยืนยันผลตรวจติดเชื้อโควิด-19
ตายกลางถนน – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบนายสมเกียรติ เรือนขาว อายุ 46 ปี ชาวจ.ระยอง เสียชีวิตกลางถนนในตรอกบ้านพานถม ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กทม. ส่งพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิต ขณะที่วันเดียวกันมีผู้เสียชีวิตริมถนน รวมกัน 4 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยโควิดด้วย เมื่อวันที่ 20 ก.ค.
ครูสาวฉีดวัคซีนไขว้ดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.30 น. วันที่ 20 ก.ค. พ.ต.ต.พสิษฐ์ จุลทะการ สารวัตรสอบสวนสภ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งมีคนเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ภายในห้องนอนบ้านเลขที่ 71 ถนนมหาราช 1 เขตเทศบาล ต.ประจวบ อ.เมือง จ.ประจวบฯ ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเมืองประจวบคีรีขันธ์ที่กำลังสร้างใหม่ หลังรับแจ้งจึงพร้อมแพทย์ร.พ.ประจวบฯ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบรุดตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เปิดเป็นโรงเรียนสอนพิเศษ ชื่อสถาบันพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์คิงแมทส์ ผู้เสียชีวิตชื่อน.ส. พงศ์ภัค ศรัทธาโสภณ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 543/1 หมู่ 2 ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นครูสอนพิเศษและเป็นเจ้าของโรงเรียนดังกล่าว นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 3 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพร่างกายเริ่มแข็งทื่อและมีสีเขียวคล้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำศพส่ง ชันสูตรที่ร.พ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง
ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ ดุจวรรณ์ อายุ 44 ปี สามีของผู้เสียชีวิต และเป็นครูสอนพิเศษ และเจ้าของโรงเรียน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ตนพร้อมภรรยาเข้ารับบริการฉีดวัคซีนแอสตร้า เซนเนก้า ที่ร.พ.ประจวบฯ โดยก่อนหน้านี้เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกมาแล้ว หลังกลับมามีอาการข้างเคียงเพียงเล็กน้อย แค่ปวดหัวตัวร้อนหนาวสั่นนิดหน่อย ทางโรงพยาบาลแนะนำให้กินยาพาราเซตามอล และเมื่อช่วงเช้าก็ยังไม่เป็นอะไรมาก ภรรยาจึงขอนอนพักผ่อนบนห้อง ส่วนตนมีอาการเล็กน้อยเช่นกัน แต่ลงมาทำงานอยู่ดูแลลูกสาว 2 คนที่บริเวณชั้นล่าง ปล่อยให้ภรรยานอนอยู่บนห้อง และไม่ได้ขึ้นไปดู คาดว่าน่าจะมีอาการหนักช่วงเย็นๆ โดยมีอาการอาเจียนเยอะมาก เมื่อตนขึ้นไปดูช่วงเวลา 19.00 น. พบว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว ลำตัวเริ่มแข็งทื่อ และมีสีเขียวคล้ำ จึงโทร.แจ้งโรงพยาบาล ส่วนตนพยายาม ปั๊มหัวใจช่วยชีวิตระหว่างรอรถพยาบาล แต่ไม่เป็นผล ซึ่งตนยืนยันให้แพทย์ผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตให้แน่ชัด เพื่อความกระจ่างว่าเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อกันหรือไม่ โดยภรรยามีโรคประจำตัวคือความดัน และกินยาความดันอยู่ ก่อนฉีดแพทย์ยืนยันไม่มีผลต่อการฉีดวัคซีน ทำให้ตนมั่นใจจึงยอมฉีด เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้กับตัว ทำให้สูญเสียความมั่นใจในวัคซีน และความเชื่อมั่นในระบบการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางร.พ.ประจวบฯ ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเพชรบุรี หลังจากนั้นจะสามารถทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงว่าเกิดจากโรคความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นโรคประจำตัวหรือจากการฉีดวัคซีนเข็มสองสูตรไขว้กันแน่
สธ.ชี้เคสแรก-เกิด1ในแสน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีพบผู้เสียชีวิตภายหลังรับวัคซีนโควิดสลับชนิดในเข็มที่ 2 ว่า เหตุการณ์ที่มีการรายงานนี้เป็นผู้หญิงอายุ 39 ปี อยู่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 และเสียชีวิตเมื่อวานนี้ ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนโควิดตั้งแต่มี.ค.จนถึงขณะนี้รวม 14.8 ล้านโดส มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับผู้รับวัคซีน และต่อมามีรายงานเสียชีวิต 229 ราย คิดเป็นอัตรา 16 ต่อ 1 ล้านคน ส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนในระยะ 1 เดือนและเสียชีวิต ซึ่งคณะ ผู้เชี่ยวชาญติดตามและพิจารณาสาเหตุโดยละเอียด ทั้งการฉีดวัคซีน อาการที่เกิดขึ้น ผลตรวจทางห้องปฏิบัติ ผลการชันสูตร ขณะนี้ยังไม่พบสาเหตุที่มาจากการฉีดวัคซีนโดยตรง แต่มีโรคร่วม เช่น หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาส่วนหนึ่ง
นพ.โสภณกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีหญิงอายุ 39 ปี เป็นครู มีโรคความดันโลหิตสูง ค่า BMI 31 มีประวัติฉีด 2 ครั้ง โดยครั้งแรกฉีดโคโรนาแวคหรือซิโนแวค วันที่ 28 มิ.ย. และเข็มสองแอสตร้าเซนเนก้า วันที่ 19 ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่กระทรวงสาธารณสุขโดยคำแนะนำคณะผู้เชี่ยวชาญ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติพิจารณาข้อมูลผลการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันที่ให้มีการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายและตามด้วยชนิดไวรัลเวกเตอร์ ห่างกัน 3 สัปดาห์ จะสร้างภูมิคุ้มกันอย่างรวดเร็วใน 2 สัปดาห์หลังฉีดเข็มสอง จนถึงขณะนี้มีการฉีดสลับชนิดแล้วกว่า 8.4 หมื่นคน กรณีนี้เป็นรายแรกที่เสียชีวิต คิดเป็นอัตรา 1 ในแสนของผู้ฉีดวัคซีน ยังต้องหาสาเหตุต่อไป โดยแพทย์ตรวจเบื้องต้นและมีการชันสูตรที่ร.พ.พระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี คาดว่าผลการตรวจออกมาเร็ววันนี้
“ขณะนี้ยังไม่สรุปว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจน จะนำข้อมูลที่ตรวจสอบแล้วและมีข้อมูลเพียงมานำเสนอ แต่ที่จะสรุปคือวัคซีนทั้ง 2 ตัวที่ฉีดในประเทศไทยเป็นวัคซีนที่พิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยสูงจากการที่ฉีดมากกว่า 10 กว่าล้านโดส เพียงแต่รายนี้เป็นการฉีดสลับชนิดและเกิดเหตุการณ์เสียชีวิต ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวอีกครั้ง ส่วนผลการสรุปจะมีการเรียนให้ทราบต่อไป”
นักโทษคุกขอนแก่นป่วย 315
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.ขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยนายสมมาตย์ สุราช ผบ.เรือนจำกลางขอนแก่น ร่วมแถลงข่าวพบผู้ต้องขังติดเชื้อในเรือนจำกลางขอนแก่นว่า เรือนจำขอนแก่นมีผู้ต้องขังทั้งหมด 4,458 คน เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ได้รับแจ้งว่าพบกลุ่มผู้ต้องขังมีอาการป่วย เป็นไข้ ไอ และมีน้ำมูก จึงประสานเจ้าหน้าที่สำนักงาน สาธารณสุขจ.ขอนแก่น สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 และเรือนจำจังหวัดขอนแก่น เข้าตรวจคัดกรองผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงสูง 15 คน พบผู้ต้องขังชาย 3 คนติดเชื้อโควิด-19 จึงขยายผลตรวจผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยง 1,620 คน ขณะนี้พบผู้ต้องขังยืนยันติดเชื้อโควิดแล้ว 315 คน
“การติดเชื้อในเรือนจำขอนแก่นถือว่าเป็นคลัสเตอร์ใหญ่กระทรวงสาธารณสุข จึงประสานงานร่วมกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนควบคุมโรคในรูปแบบบับเบิลแอนด์ซีล ขณะนี้ผู้ต้องขังที่ติดโควิดทั้ง 315 คนถูกแยกกักตัวและเข้ารับการรักษาที่ร.พ.สนามของเรือนจำภายในโรงนอนของหอประชุมเพื่อไม่ให้ปะปนกับกลุ่มเสี่ยง พร้อมทั้งตรวจเชื้อเจ้าหน้าที่ 140 คนซึ่งไม่พบผู้ติดเชื้อ”
โคราชป่วยอีก 277
แพทย์หญิงอารีย์ เชื้อเดช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา แถลงว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 277 ราย มากสุดอยู่ในพื้นที่ อ.ปากช่อง 124 ราย รวมป่วยสะสม 3,593 ราย รักษาหาย 1,558 ราย ยังรักษาอยู่ 1,997 ราย และเสียชีวิตสะสม 38 ราย
ฉีดไขว้ – ประชาชนจำนวนมากเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด โดย เข็มแรกซิโนแวค และเข็มที่สองสลับเป็น แอสตร้าเซนเนก้า ที่หอประชุมศรีวชิรโชติ ม.ราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 21 ก.ค.
สธ.ยันต้องรอบคอบจัดหาวัคซีน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่า กรมควบคุมโรคจัดทีมเจรจากับบริษัทวัคซีน ทั้งเรื่องผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีน พิจารณาเรื่องราคา ความเหมาะสมในการใช้งานในประเทศไทย เช่น การจัดเก็บและขนส่ง เป็นต้น รวมถึงข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงหากมีการใช้งานในต่างประเทศแล้ว โดยดำเนินการร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ คณะผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน การพูดคุยมีขั้นตอน นอกจากการลงนามในเอกสารไม่เปิดเผยข้อมูลความลับ เราก็ต้องพิจารณาเอกสารต่างๆ อย่างรอบคอบ เอกสารส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ต้องตรวจทานและส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดร่วมตรวจสอบด้วยเพื่อให้รอบคอบก่อนลงนาม
นพ.โสภณกล่าวต่อว่า ส่วนเอกสารเกี่ยวข้องกับการจองมีข้อความต่างๆ สะท้อนถึงข้อผูกมัด ข้อตกลง ที่ต้องดำเนินการร่วมกัน จึงต้องตรวจสอบเอกสารก่อนลงนามและจึงเป็นสัญญาสั่งซื้อ เช่น เมื่อวานที่ลงนามสั่งซื้อไฟเซอร์ เป็นต้น ทั้งนี้ การทำงานแต่ละขั้นตอนมีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายส่วน เราเจรจาเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สุด ทั้งเรื่องราคา เงื่อนไขต่างๆ เช่น กำหนดวันส่งมอบวัคซีน การดูแลผลิตภัณฑ์ จะมีการตรวจสอบคุณภาพการผลิตวัคซีนก่อนนำไปใช้ รวมทั้งเรื่องสัญญามัดจำ ต้องมีการวางเงินจองเท่าไร ส่งมอบวัคซีนแล้วต้องจ่ายเงินเท่าไร
“บางบริษัทต้องจ่ายเงินก่อนส่งมอบ ก็ต้องปรึกษาหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง มีขั้นตอนการดำเนินการที่มีรายละเอียด ทำอย่างรอบคอบในเวลาไม่ล่าช้า ซึ่งกว่าจะได้ก็ใช้เวลาหลายเดือน แต่จะไม่ช้าไปกว่ากำหนดส่งมอบวัคซีน ซึ่งเราจะรู้ว่าวัคซีนจะส่งมอบได้เมื่อไร อย่างไฟเซอร์เริ่มพูดคุยกันก็ทราบว่ามีประเทศต่างๆ จองเข้ามาจำนวนมาก วันที่ประเทศไทยตัดสินใจสั่งซื้อ กำหนดการส่งมอบคือไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ก็เป็นระยะเวลาที่เราอยากได้เร็วกว่านี้ก็ต้องต่อรองให้เร็วขึ้น แต่บางครั้งไม่เป็นไปตามที่ต้องการทั้งหมด แม้บริษัทให้คำตอบว่าจะทำให้ส่งมอบได้เร็วขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ ทุกอย่างเราทำด้วยความรอบคอบ ไม่ให้เกิดผลเสีย แต่เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สุด” นพ.โสภณกล่าว
ขอโทษจัดหาวัคซีนไม่พอ-ล่าช้า
ด้านนพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า สถาบันทำหน้าที่เจรจาจัดหาติดต่อประสานงานผู้ผลิตวัคซีน ทั้งที่มีวัคซีนแล้วและยังอยู่ระหว่างการวิจัย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ส.ค.2563 พยายามหาช่องทางจองซื้อวัคซีนล่วงหน้าแม้อยู่ระหว่างการวิจัย จึงมีการออกประกาศตามพ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ.2561 มาตรา 18 (4) ที่เปิดให้สถาบันจองวัคซีนล่วงหน้าระหว่างการวิจัยได้ เป็นที่มาของการจัดหาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่เป็นการจองล่วงหน้า 61 ล้านโดส ทั้งนี้ การเสนอจัดหาวัคซีนใดๆ ก็ตามเมื่อมีข้อมูลจากการพูดคุยกับผู้ผลิตจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานและคณะกรรมการจัดหาวัคซีนที่มีปลัดสธ.เป็นประธาน ตามกลไกการบริหารในรูปแบบคณะกรรมการ ไม่สามารถทำได้โดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพื่อความรอบคอบ หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไม่สามารถตัดสินใจโดยลำพัง
“การดำเนินการก่อนจะลงนามในส่วนใดจะปรึกษาหารือกับหน่วยงานด้านกฎหมายของประเทศพิจารณาก่อน ตามระบบระเบียบจึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ทำให้เกิดการรับรู้ว่าการดำเนินงานวัคซีนอาจไม่ทันตามจำนวนที่คิดว่าควรจะเป็นได้ ถือเป็นข้อจำกัดที่มี ต้องกราบขออภัยประชาชนที่สถาบันวัคซีนฯ แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ ก็ยังจัดหาวัคซีนจำนวนไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด คือการระบาดและการกลายพันธุ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่จะคาดหมายได้ล่วงหน้า ทำให้เกิดการระบาดเร็วและรุนแรงกว่าปีที่แล้ว การจัดหาวัคซีนไม่ทันสถานการณ์ ต้องขออภัยอีกครั้ง” นพ.นครกล่าว
ไทยกลับลำเข้าร่วม‘โคแวกซ์’
นพ.นครกล่าวว่า การดำเนินการต่อไป ข้างหน้าในความรับผิดชอบ คือการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมในปี 2564 และปี 2565 เร่งรัดจัดหาพิจารณาผู้ผลิตวัคซีนที่มีการพัฒนารุ่น 2 ที่ตอบสนองไวรัสกลายพันธุ์เพื่อให้ส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2565 เป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ จำเป็นต้องจองล่วงหน้า ส่วนโครงการโคแวกซ์ยังไม่มีการลงนามทำความร่วมมือจัดหาวัคซีนร่วมกันผ่านโครงการโคแวกซ์ โดยสถาบันวัคซีนฯ เริ่มเจรจาส่งข้อความประสานงานไปที่องค์กรกาวี (GAVI) ในการขอเจรจาจัดหาวัคซีนร่วมกับโครงการโคแวกซ์ มีเป้าหมายการได้รับวัคซีนของปี 2565 เพิ่มเติมจากการเจรจากับผู้ผลิตโดยลำพัง เมื่อมีข้อสรุปเบื้องต้นชัดเจนจะเสนอผ่านคณะทำงาน คณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง
“นอกจากนี้ จะสนับสนุนวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศ ทั้งการขอความร่วมมือถ่ายทอดเทคโนโลยี หาผู้ผลิตวัคซีนต่างประเทศ ที่ประสงค์ขยายกำลังการผลิตในการผลิตด้วยแพลตฟอร์มอื่นๆ นอกจากไวรัลเวกเตอร์ ทั้งเชื้อตาย mRNA หรือซับยูนิตโปรตีน โดยกระทรวงการต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการเข้ามาช่วยประสานงาน ดูทิศทางการดำเนินงานรวมกับต่างประเทศ ส่วนการศึกษาวิจัยในประเทศทั้ง mRNA ของจุฬาฯ วัคซีนเชื้อตายขององค์การเภสัชกรรม วัคซีนของไบโอเน็ทเอเชีย วัคซีนของบริษัทใบยาไฟโตฟาร์มที่มีความก้าวหน้า ก็จะดำเนินการสนับสนุนอย่างเต็มที่ และวิจัยพัฒนาข้อความรู้อื่นๆ เพื่อมาสนับสนุนการดำเนินงานวัคซีนของไทยต่อไปข้างหน้า”
ชลบุรีติดเชื้อพุ่ง 636-ตาย 3
สาธารณสุขจังหวัดชลบุรีรายงานว่าพบ ผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 636 ราย ยอดป่วยสะสม 17,163 ราย กำลังรักษา 7,441 ราย หายป่วย 9,637 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย เสียชีวิตสะสม 85 ราย โดยพบติดเชื้อมากที่สุดที่อ.ศรีราชา 164 ราย ตามด้วยอ.บางละมุง 163 ราย อ.บ้านบึง 82 ราย อ.เมืองชลบุรี 106 ราย อ.พานทอง 21 ราย อ.สัตหีบ 32 ราย อ.พนัสนิคม 26 ราย อ.บ่อทอง 16 ราย อ.เกาะจันทร์ 2 ราย อ.หนองใหญ่ 7 ราย
‘มหาชัย’ติดเชื้ออีกเกือบพัน
ที่จ.สมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มถึง 958 ราย เป็นพบผู้ติดเชื้อจากค้นหาเชิงรุก 196 ราย และผู้ติดเชื้อจากการเข้ารับการตรวจใน โรงพยาบาลอีก 736 ราย จำนวนนี้เป็นคนในจ.สมุทรสาคร 603 ราย และคนนอกจังหวัดอีก 133 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อในกลุ่มบับเบิล แอนด์ ซีล พบในเรือนจำจ.สมุทรสาคร 26 ราย ติดเชื้อสะสม 37,350 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 26,788 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 10,476 ราย และเสียชีวิตสะสม 86 ราย ขณะที่โรงพยาบาลสนามทั้ง 7 แห่ง คงเตียงว่างรวมกันที่ 156 เตียง
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ครั้งนี้ถือว่าสูงสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อรายแรกระลอก 2 คลัสเตอร์ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2563
หมอดังแนะล็อกดาวน์
ด้านนพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผอ.ร.พ.สมุทรสาครโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ถึงเวลา ล็อกดาวน์จริงๆแล้วครับ สถานการณ์ขณะนี้ ไม่น่าใช่เวลา “ขอความร่วมมือ” แล้วครับ …ถ้ายังไม่สนใจยอดผู้ติดเชื้อ แค่หันมาดู สภาพรพ.ทั้งในกทม.และปริมณฑล รวมถึงอีกหลายจังหวัดจะพบว่าขณะนี้วิกฤติจริง นอกจากล็อกดาวน์จริงๆ แล้วต้องตามด้วย – ตรวจเร็ว ดึงผู้ติดเชื้อออกจากชุมชน Community Isolation ถือเป็น key success factor-ปูพรมวัคซีนใน พื้นที่วิกฤติ ด่วนที่สุด…แล้วรอดูผลใน 14 วัน …ถึงเวลา ล็อกดาวน์จริงๆ แล้วครับ”
‘หลวงพ่อเสนาะ’เซ่นโควิด
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่เมรุวัดหนองอ้อ ตะวันตก ต.หนองอ้อ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พระมหาอดุลย์ณัฐ ยุติธรรมโม เจ้าคณะตำบลหนองอ้อ-สวนกล้วย ประธานฝ่ายสงฆ์ นายธนพล วงศ์วัฒนสิทธิ์ กำนันตำบลหนองอ้อ ประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมคณะสงฆ์ ชาวบ้าน และศิษยานุศิษย์กว่า 100 คนร่วมพิธีฌาปนกิจ พระครูสุธรรมพิจิตร หรือหลวงพ่อเสนาะ เจ้าอาวาสวัดหนองอ้อตะวันตก ที่มรณภาพจากการป่วยด้วยโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยพิธีจัดขึ้นท่ามกลางมาตรการคุมเข้มโควิด
นายวิรัช เหมบุตร ศิษยานุศิษย์ชาว ต.หนองอ้อ เปิดเผยว่า พระครูสุธรรมพิจิตรเป็นพระนักพัฒนา ท่านพัฒนาวัดในทุกด้าน
เคราะห์ซ้ำ – ที่เกิดเหตุ 6 ผู้ป่วยโควิดชาวพะเยา ใช้รถกระบะเป็นพาหนะกลับไปรักษาตัวที่บ้านเกิด คนขับหลับในเสียหลักชนต้นไม้ ทำให้น.ส.วันเพ็ญ จอมภา และนางสายทอง วิระแสง เสียชีวิต ที่เหลือบาดเจ็บสาหัส ในจำนวนนี้มีเด็ก 2 คน ที่ถนนชัยนาท-สุพรรณบุรี อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 21 ก.ค.
เรือนจำป่วยโควิดอีก 1,049
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานว่า พบ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,049 ราย โดยพบในเรือนจำสีแดง 1,015 ราย และในห้องแยกกักโรค ผู้ต้องขังรับใหม่ 34 ราย หายป่วยเพิ่ม 95 ราย รวมยังมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 3,824 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเป็นวันที่ 11 วันนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อแตะหลักพันครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ซึ่งเกิดจากการเร่งตรวจหาเชื้อเชิงรุก
40 ซีอีโอยื่น 4 ข้อ‘บิ๊กตู่’แก้โควิด
เวลา 14.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ 40 ซีอีโอเรื่องการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า
โดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนมีข้อสนอต่อรัฐบาลไว้ 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลทั้ง 25 ศูนย์ของภาคเอกชนที่ร่วมกับกทม. สามารถแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล โดยมีศักยภาพสามารถให้บริการฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 80,000 คนต่อวัน ซึ่งเอกชนพร้อมสนับสนุนภาครัฐในการจัดอุปกรณ์การแพทย์ ทั้งแรปิด เทสต์ ยารักษา เตียงผู้ป่วยหนักและไอซียู รวมทั้งมาตรการไอโซเลชั่น โดยเทคโนโลยีดิจิทัลและจัดแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งเทเลเมตช่วยสร้างความเชื่อมั่น ลดจำนวนผู้ป่วยได้ 2.การเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน เสนอให้ขยายมาตรการช่วยเหลือทั้งกิจการที่ต้องหยุดประกอบตามคำสั่งของราชการ รวมทั้งธุรกิจในห่วงโซ่ต่างๆ รวมทั้งการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน 3.การกระตุ้นเศรษฐกิจ แผนระยะสั้น-ระยะกลาง กระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มผู้มีรายได้และกำลังซื้อสูง กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนให้เกิดการจ้างงาน รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของประเทศในการเข้าสู่นิว อีโคโนมี 4.การฟื้นฟูประเทศไทย เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐเอกชน ขับเคลื่อนกิจกรรมที่มีอิมแพ็กต์สูงและประชาชนไทยได้ประโยชน์ ได้แก่ เกษตรสมัยใหม่ ท่องเที่ยวคุณภาพ สร้างขีดความสามารถทางเศรษฐกิจด้วย ดิจิตอล ทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยข้อเสนอทั้ง 4 แนวทางดังกล่าวเป็นการฟื้นฟูประเทศ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส
ขณะเดียวกันประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยังแสดงความเข้าใจดีว่า รัฐบาลมีความยากลำบากในการทำงาน ภายใต้สถานการณ์โรคระบาดและเศรษฐกิจที่ผันผวนและไม่มีความแน่นอนสูง ภาคเอกชนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลด้วยความจริงจัง
คนติดโควิดบุกทำเนียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 21 ก.ค. หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กลับออกจากทำเนียบรัฐบาลไปแล้ว ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีชาย 2 คนอ้างว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 มายืนประท้วงที่บริเวณฝั่งด้านหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เพื่อเรียกร้องขอชีวิตจากรัฐบาล โดย 1 ใน 2 คนนั้นเดินทางมาโดยรถเมล์สาย 509
จากการเจรจาของตำรวจซึ่งต้องสวมชุด พีพีอี ได้เกลี้ยกล่อมจนผู้ป่วยทั้ง 2 คนยินยอมให้ตำรวจนำตัวไปส่งโรงพยาบาลสนาม วัดอินทรวิหาร ซึ่งเป็นศูนย์พักคอยของกทม. เพื่อรอแพทย์วินิจฉัยอาการต่อไป
ตรวจสอบพบว่า ทั้ง 2 คนเป็นสมาชิกกลุ่มสิทธิชนต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ และเป็นชายเร่ร่อน มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างจังหวัด เดินทางเข้ามาหางานในกรุงเทพฯ เมื่อทราบว่า ตัวเองติดเชื้อจึงมาเรียกร้องต่อรัฐบาล