ศบค.เผยยอดติดโควิดยังต่ำกว่า 5 พันราย ยังพบคลัสเตอร์เดิมๆ ฉีดวัคซีนยังไม่ครบ 100 ล้านโดสในพ.ย. วอน 27 จังหวัด ยังฉีดต่ำกว่า 60% ออกมารับวัคซีนเพิ่มขึ้น
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด 19 ประจำวันว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ทั่วโลกล้วนมีผลกับประเทศไทย ต้องติดตาม โดยวันนี้ทั่วโลกพบติดเชื้อสะสม 263 ล้านกว่าคน เพิ่มขึ้นวันเดียว 5.85 แสนกว่าคน เสียชีวิต 5.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7,617 คน
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน 5 อันดับแรก คือ 1.สหรัฐอเมริกา 106,876 คน 2.เยอรมนี 55,880 คน 3.ฝรั่งเศส 47,177 คน 4.อังกฤษ 39,716 คน และ 5.รัสเซีย 32,648 คน ส่วนภายใน 20 อันดับแรกส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรป และอเมริกา มีเวียดนามอยู่อันดับ 11 คือ 13,972 คน
ส่วนประเทศไทยเพิ่มขึ้น 4,886 คน หากต่ำกว่า 5 พันคนก็ถือว่าดีขึ้น เราไม่อยากให้เกิด แต่เราต้องอยู่กับโรคนี้ ตัวเลขสะสม 2,120,758 คน หายป่วยเยอะกว่า 6,326 คน เสียชีวิต 43 คน อยู่ใน รพ. 35,859 คน อาการหนัก 1,351 คน และใส่เครื่องช่วยหายใจ 340 คน ภาพรวมสถานการณ์ลดลงจากช่วงกลางปี คือ ส.ค. ทิศทางกราฟลงต่อเนื่องทั้งผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต สำหรับผู้เสียชีวิต 43 รายวันนี้มาจากภาคใต้ 15 ราย ภาคกลาง 11 ราย ภาคอีสาน 8 ราย เป็นต้น ส่วนใหญ่เป้นกลุ่ม 607 ถึง 95% มีเด็กชายอายุ 5 เดือนเสียชีวิต 1 ราย จ.สงขลา มีโรคหัวใจแต่กำเนิด
สำหรับ 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด คือ 1.กทม. 794 ราย สะสม 422,868 ราย 2.สงขลา 270 ราย สะสม 61,240 ราย 3.สุราษฎร์ธานี 240 ราย สะสม 25,689 ราย 4.นครศรีธรรมราช 204 ราย สะสม 40,873 ราย 5.ชลบุรี 198 ราย สะสม 107,835 ราย 6.เชียงใหม่ 171 ราย สะสม 26,370 ราย 7.สมุทรปราการ 140 ราย สะสม 128,759 ราย 8.ปัตตานี 119 ราย สะสม 45,900 ราย 9.ประจวบคีรีขันธ์ 117 ราย สะสม 18,238 ราย และ 10.ชุมพร 100 ราย สะสม 15,003 ราย
เราพบว่าคลัสเตอร์ที่เกิดขึ้น คือ 1.โรงงาน/สถานประกอบการ ที่ปราจีนบุรี ลพบุรี สระบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี ทั้งโรงกลึง โรงงานเกษตร เครื่องจักรกล 2.ตลาด ที่ขอนแก่น อุดรธานี สุราษฎร์ธานี จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งตลาดผลไม้ ตลาดสด ภาครัฐและเอกชน 3.พิธีกรรมทางศาสนา งานศพ งานบุญ 4.แคมป์คนงาน ระยอง สุรินทร์ สระแก้ว ขอนแก่น 5.โรงเรียนสถานศึกษา ประจวบคีรีขันธ์ สระแก้ว เชียงใหม่ เลย และอุบลราชธานี ซึ่งลงถึงโรงเรียนอนุบาล 6.ค่ายทหาร ชลบุรี 7.ร้านอาหาร/สถานบันเทิง อุบลราชธานี อุดรธานี
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า เรื่องการฉีดวัคซีนนั้นยังอยู่ในสัปดาห์การฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. – 5 ธค. เพื่อบรรลุเป้าหมาย 100 ล้านโดส เดิมเรากำหนดไว้วันที่ 30 พ.ย. ซึ่งก็ใกล้เคียง ที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข นำตัวเลขมารายงานว่า 93,536,449 โดส คงเหลือประมาณ 6.4 ล้านโดส ถึงจะครบ 100 ล้านโดส
ซึ่งวันหนึ่งฉีดประมาณ 5 แสนกว่าโดส ก็เรียกว่าพยายามเร่งเต็มที่ ก็คุยกันว่า หากครอบคลุมถึงการครอบคลุมประชากรไทย มี 2 ตัวเลข คือ 1.ตามสิทธิการรักษาประมาณ 67 ล้านคน ส่วนที่เอา 100 ล้านโดส เรารวมประชากรแฝงต่างด้าวรวมเข้าไป 5 ล้านคน จึงเป็น 72 ล้านคนเป็นตัวตั้ง ทำให้ความครอบคลุมต่างกัน
ดังนั้น หากเอาเฉพาะคนไทย 67 ล้านคน เราฉีดได้ 72.22% ซึ่งตามทฤษฎีบอกว่าฉีด 70% ก็จะควบคุมป้องกันโรคได้ ส่วนเข็มสองได้ 62.03% เข็มสาม 5.19% และเข็มสี่ 15,521 โดส คิดเป็น 0.02% ถ้าเอา 72 ล้านคน ความครอบลคลุมจะลดลงมาเล็กน้อยน เข็มแรก 67.24% เข็มสอง สาม สี่ จึงลดลง
“ความพยายามของ สธ.และภาครัฐ เอกชน อปท.ทุกแห่งต่างช่วยกันเพื่อให้ความครอบคลุมเพิ่มขึ้น ดังนั้น สัปดาห์รณรงค์จนถึงวันที่ 5 ธ.ค.ก็พยายามเพิ่มยอดให้ได้ก็ขอให้ช่วยกัน ซึ่งจะเพิ่มตรงไหนได้บ้างนั้น จังหวัดที่ต้องเร่งให้ได้ คือจังหวัดที่ความครอบคลุมต่ำ คือ แม่ฮ่องสอน
ต่ำกว่า 50% ส่วนที่ต่ำกว่า 60% มี 26 จังหวัด คือ ขอนแก่น แพร่ อุบลราชธานี ชัยภูมิ สิงห์บุรี สระแก้ว สตูล ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครนายก ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร กาฬสินธุ์ กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี ตาก ราชบุรี นครพนม หนองบัวลำภู ลพบุรี ปัตตานี บึงกาฬ สกลนคร นราธิวาส” โฆษก ศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขอความร่วมมือจังหวัดเหล่านี้เดินเข้ามารับการฉีดวัคซีน ถ้าต่ำกว่า 60% ยังไม่ถึง 70% ต้องช่วยกัน คนใดคนหนึ่งฉีดวัคซีนก็ไม่ได้ทำให้สังคมเราปลอดภัย ต้องได้ 70% ขึ้นไป รวมถึงเข็ม 2 ด้วย จึงจะมีภูมิ โดยเฉพาะตอนนี้เชื้อสายพันธุ์โอไมครอนกำลังเข้ามา ก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคบ้าง