จากโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ภาพรถเก๋งสีเทาคันหนึ่ง ติดค้างอยู่บนบันไดทางขึ้นโบสถ์ภายในวัดแห่งหนึ่งในอำเภอพล จังหวัดขอนแก่น โดยมีเจ้าของรถและผู้โดยสารสองพ่อลูกนั่งอยู่บันไดข้างรถ พร้อมข้อความระบุว่า “มาทำบุญมาทอดกฐินพะนะ ขับรถขึ้นโบสถ์ไปเลย แบบนี้ก็มี เหตุณวันนี้ที่วัดศรีเมืองพลสดๆร้อนๆ”

วันที่ 25 ต.ค.2565 เมื่อเวลา 18.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ได้ลงพื้นที่ไปยังวัดศรีเมืองพล ต.เมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น จุดเกิดเหตุรถยนต์เก๋ง สีเทามิตซูบิชิ แอททราจ ทะเบียน ขพ- 1424 ขอนแก่น จอดอยู่บนบันไดโบสถ์ของวัดศรีเมืองพล พบกับนายสาม เมืองพล หรือนายมานัด สิงหนุวัฒน์ อายุ 33 ปี เจ้าของร้านพระเครื่องซึ่งเป็นผู้โพสต์ภาพดังกล่าว และมีร้านเช่าบูชาพระเครื่องตั้งอยู่ตรงข้ามประตูทางเข้าวัด เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองอยู่ที่ร้านตามปกติ ต่อมาเวลาประมาณ 14.30 น.ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นในวัด จึงรีบวิ่งเข้าไปดูก็พบรถเก๋งคันดังกล่าว จอดอยู่บนบันไดโบสถ์ ล้อรถข้างขวาหลังแตก สเกิร์ตหลังหลุด สเกิร์ตหน้าแตก และพบชายสองคนนั่งคู่กับนที่เบาะหน้า

ซึ่งทั้งคู่อยู่ในอาการตกใจ มือสั่น จึงนำลงจากรถมานั่งพัก และจากการสอบถามทราบว่า คนขับรถเป็นลูกชาย อายุ50 ปี ชาวบ้านคึมชาติ ต.คึมชาติ อ.พล จ.ขอนแก่น ส่วนคนที่นั่งคู่เบาะหน้าข้างคนขับเป็นพ่อ อายุประมาณ 80 ปี ทั้งสองคนกลับจากการไปทำบุญกฐินที่ต่างจังหวัด เมื่อผ่านวัดศรีเมืองพล จึงแวะเข้าห้องน้ำ เมื่อเข้าห้องน้ำเรียบร้อยจึงจะเดินทางกลับบ้าน และเป็นช่วงที่เข้าเกียร์ถอย เพื่อจะกลับรถออกไปที่ประตูทางออกวัด แต่ไม่ทราบด้วยสาเหตุใด รถจึงถอยขึ้นไปที่บันไดโบสถ์ 11 ขั้น โดยล้อหลังอยู่ที่ขั้นที่6 ส่วนล้อหน้า อยู่ที่ขั้นที่ 2 ซึ่งโชคดีที่ทั้งพ่อและลูกไม่มีคนบาดเจ็บ มีเพียงรถเสียหายเล็กน้อย จึงช่วยกันยกรถลงมาจากบันไดโบสถ์ จากนั้นก็มีพนักงานของศูนย์บริการมิตซูบิชิสาขาพลมารับรถไป
ด้าน พระเสมียน คุณาธโร อายุ 50 ปี พระลูกวัดศรีเมืองพล กล่าวว่า สองพ่อลูกขับรถมาเข้าห้องน้ำในวัด ขณะกำลังจะออกจากวัด รถก็ถอยหลังขึ้นบันไดโบสถ์ จึงรีบเดินไปดู ก็พบสองพ่อลูกนั่งในรถ และไม่ได้รับบาดเจ็บ จากการสอบถามทราบว่า เข้าเกียร์ถอยหลังแล้วเกียร์ค้าง รถจึงปีนบันไดโบสถ์ขึ้นไป

ขณะที่พระครู คัมภีร์ ปัญญากร อายุ 60 ปี เจ้าอาวาสวัด ฯกล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องอุบัติเหตุ วัดไม่เสียหาย จึงไม่เอาเรื่องและติดใจกับเจ้าของรถ เพราะรถเสียหายมากกว่า และโชคดีแล้วที่คนขับกับพ่อไม่ได้รับบาดเจ็บ

