วันที่ 21 ก.ย. 64 พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ANSCOP) ได้ตรวจสอบพบข้อมูลข่าวปลอมกรณีตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ว่า “มีการโพสต์ข้อความลงในแอปพลิเคชันไลน์ว่า ดาบตำรวจอายุ 40 ปี มีโรคเบาหวาน ความดัน ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ได้ 1 สัปดาห์ เสียชีวิตในเครื่องแบบ ที่ภูเวียง ขอนแก่น” นั้นกรณีดังกล่าวจากการตรวจสอบกับ ศตปค.ภ.จว.ขอนแก่น ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ
ข้อเท็จจริง กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากวันที่ 17 ก.ย.64 ด.ต.ปริวัติ นามลา ผบ.หมู่(จร.) สภ.ภูเวียง จว.ขอนแก่น ได้เสียชีวิต จากนั้นมีการแชร์ข้อมูลในสื่อโซเซียล ถึงประเด็นสาเหตุการเสียชีวิตของ ด.ต.ปริวัติฯ ว่าเกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดย พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไตรธรรม ผกก.สภ.ภูเวียง ยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้ได้รับข้อมูลข่าวสารเข้าใจผิด สร้างความหวาดกลัวและสับสนให้กับประชาชน ที่กำลังจะเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งแพทย์ประจำโรงพยาบาลภูเวียง ได้ชันสูตรพลิกศพและบันทึกสาเหตุการเสียชีวิตว่า “เกิดจากหัวใจวายเฉียบพลัน” เนื่องจากผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวคือ เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ด.ต.ปริวัติฯ ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวค ครบ 2 เข็ม ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.64 ที่ผ่านมา รวมระยะเวลาหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนประมาณ 2 เดือน ซึ่งไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด ส่วนผู้โพสต์ในกลุ่มไลน์ใช้ชื่อว่า “ร.ต.ท.โกศล ชัยนอก” จากการตรวจสอบของ สภ.ภูเวียง พบว่า ร.ต.ท.โกศล ชัยนอก เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรับราชการอยู่ที่ สน.มักกะสัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงในการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง สภ.ภูเวียง จึงแจ้งไปยัง ผกก.สน.มักกะสัน เพื่อแจ้งให้ ร.ต.ท.โกศลฯ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบสวนรายละเอียดหาข้อเท็จจริงในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อ ในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อีกทั้งขอให้ใช้ความระมัดระวังพิจารณาและตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้อง
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ สามารถแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลการกระทำผิดผ่านสายด่วน ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ANSCOP) หมายเลข 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง