เผยแพร่:
ปรับปรุง:
ศูนย์ข่าวขอนแก่น – ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองเรือจัดเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะรับร้องทุกข์จากชาวบ้านที่ถูกครูขี้ฉ้อหลอกถ่ายบัตรประชาชนให้เงิน 200 บาท/หัว นำไปสวมสิทธิคนละครึ่ง ด้านกำนันตำบลยางคำเผยมีชาวบ้านหลายหมู่บ้านตกเป็นเหยื่อมากถึง 500 ราย ส่วนจะเป็นแก๊งเดียวกับ “ดร.ภูผาภูมิ-ครูฝน” หรือไม่ต้องรอตำรวจสอบขยายผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ศาลาประชาคม ภายในหมู่บ้านยางคำ ม.2 ต.ยางคำ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ได้มีชาวบ้านหลายร้อยคนทยอยมาลงชื่อร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองเรือ ในฐานะผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกกลุ่มครูที่สอนอยู่ในโรงเรียนในพื้นที่หลอกล่อถ่ายสำเนาบัตรประชาชนไปให้จะได้รับเงินสดคนละ 200 บาท
โดยกลุ่มครูเหล่านี้อ้างว่าเป็นเงินช่วยเหลือจากโครงการของรัฐบาลเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หลังจากนั้นนำไปสวมสิทธิลงทะเบียนในโครงการคนละครึ่งและโครงการเราเที่ยวด้วยกัน กระทั่งชาวบ้านมารู้ทีหลังว่าถูกหลอก
นางชุมพร ส่วยลี อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 20 บ้านยางคำ ม.2 ต.ยางคำ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกหลอกสวมสิทธิ เล่าว่า ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา มีคุณครูที่ตนรู้จักแต่ชื่อเล่นว่า “ครูอ้อ” ทำงานในเทศบาลตำบลยางคำ และเป็นครูสอนที่ศูนย์ปฐมวัยศูนย์เด็กเล็ก ได้พูดว่าให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนมาให้แล้วจะได้รับเงิน 200 บาท ตนจึงได้รวบรวมเอาบัตรประชาชนของคนในครอบครัวไปมอบให้ครูอ้อ จากนั้นก็รับเงินมา โดยครูอ้อกำชับว่ารับเงินไปแล้วห้ามบอกใครเด็ดขาด
นางชุมพรเล่าอีกว่า ในขณะรับเงินก็ได้ถามว่าเป็นเงินอะไร แต่ครูอ้อไม่ตอบ จึงคิดว่าเงิน 200 บาทที่ได้มามีค่ากับครอบครัวมาก สามารถนำไปซื้อหาอาหารกินกันในครอบครัวได้ จึงไม่คิดมาก จึงรับเงินมา กระทั่งผู้ใหญ่บ้าน กำนันประกาศแจ้งว่าใครที่รับเงิน 200 บาทแล้วถูกถ่ายรูปเอาบัตรประชาชนไปให้มาลงชื่อต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอหนองเรือ จึงได้รู้ว่าตัวเองถูกหลอก ถูกนำสำเนาบัตรไปลงทะเบียนสวมสิทธิโครงการช่วยเหลือจากรัฐบาล
“ฉันไม่มีโทรศัพท์มือถือ จึงไม่ทราบเรื่องการลงทะเบียนในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และเมื่อรู้ว่าถูกหลอกก็เสียความรู้สึก เพราะครูเป็นเหมือนลูกหลานของชาวบ้าน ไม่น่ามาทำกันแบบนี้ ไม่น่ามาหากินกับชาวบ้านคนยากคนจนเลย” นางชุมพรกล่าว
ขณะที่ นายชัยพร อาจมนตรี อายุ 45 ปี กำนันตำบลยางคำ อ.หนองเรือ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภายหลังเกิดเหตุการณ์ชาวบ้านในพื้นที่ อ.บ้านฝาง ถูกครูนำเงินมาให้แล้วถ่ายเอาบัตรประชาชนไปสวมสิทธิเข้าใช้ในโครงการของรัฐบาล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นจึงสั่งให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ตรวจสอบในพื้นที่ตัวเองว่ามีชาวบ้านถูกหลอกสวมสิทธิหรือไม่ ผู้นำหมู่บ้านจึงทำการตรวจสอบ
ปรากฏในพื้นที่ตำบลยางคำ ซึ่งมีทั้งหมด 14 หมู่บ้าน มีชาวบ้านที่บ้านยางคำ หมู่ที่ 1, 2 และบ้านยางคำ หมู่ที่ 13, 14 และบ้านหนองหว้า ม.3 ถูกครู 3 คน คือ ครูอ้อ ครูเดียว ครูพี้ ตระเวนเชิญชวนให้รับเงินคนละ 200 บาทแล้วถ่ายเอาสำเนาบัตรประชาชนไปสวมสิทธิ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนสูงอายุ รวมแล้วเฉพาะตำบลยางคำหลงเชื่อเป็นผู้เสียหายประมาณ 500 คน
“หลังจากทราบตัวเลขชาวบ้านที่ถูกหลอกมากมายขนาดนี้แล้ว จึงรายงานไปยังนายอำเภอหนองเรือ กระทั่งมีการจัดเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอมารับคำร้องทุกข์จากชาวบ้านในพื้นที่ ในขณะเดียวกันก็ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือทราบเรื่องดังกล่าวแล้วเช่นกัน” นายชัยพรกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีครู 3 คน “ครูอ้อ ครูเดียว ครูพี้” หลอกถ่ายสำเนาบัตรประชาชนชาวบ้านแลกกับให้เงินหัวละ 200 บาทแล้วนำไปลงทะเบียนสวมสิทธิโครงการคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกันจะเป็นเครือข่ายเดียวกับ 2 ผู้ต้องหา คือ ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ ครูโรงเรียนบ้านหนองผือ อ.หนองเรือ และครูฝน นางบุหงา ดวงจันทร์ ครูโรงเรียนบ้านโสกแต้ ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง หรือไม่ ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนขยายผลหาความเชื่อมโยงให้ชัดเจน