หลังจากที่ นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับ นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เมื่อค่ำวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ภายหลังจัดพิธีมงคลสมรสของ นายพิทักษ์ชน ช่างเหลา สมาชิก ภท. ลูกชายของนายเอกราช ที่โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น วันถัดมา นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.เขต 11 นครราชสีมา สมัครเป็นสมาชิก ภท.เช่นกัน แม้เอกราชจะสนิทแนบแน่นกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หลังถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย แต่ในที่สุด พ่อลูกช่างเหลา ก็ไม่ตามไปด้วยกัน ก็น่าสนใจจะเข้าตำรา “ศัตรูของศัตรูคือมิตร” ที่ ธรรมนัส ประกาศไว้หรือไม่ เพราะ เอกราช ยังมีชนักปักหลังคดียักยอกเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นกว่า 431 ล้านบาท ส่วนธุรกิจ “ขายสลากกินแบ่ง” รัฐบาลก็ตั้งทีมไล่บี้ การยืนตรงข้ามกับผู้กุมอำนาจรัฐถือว่าสุ่มเสี่ยงทุกด้าน มาอยู่กับ ภูมิใจหนู จึงคุ้มค่ากว่าเยอะ…0
ส่วน เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. บอกว่า รับ 2 พ่อลูกช่างเหลาเข้าพรรคจะไม่ผิดใจกับ “บิ๊กป้อม”-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร.และ ร.อ.ธรรมนัส เพราะเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น พรรคพวกเดียวกัน อยู่พรรคเดียวกัน คนละพวก กับอยู่คนละพรรค พวกเดียวกัน มันดีทั้งคู่ เมื่อถามเป็นการเตรียมปูทางไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะก่อนกล่าวว่า “ไม่เคยดูด หนูเปล่านะ เขามาเอง” แต่ในโลกความเป็นจริงการเจรจาทางการเมืองว่ากันด้วยผลประโยชน์ทั้งนั้น ต้องถามว่าได้ “กล้วย” คนละกี่กิโล เช่นเดียวกับ 4 ส.ส.งูเห่า พรรคก้าวไกล ที่โหวตสวนมติพรรคในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วลงมติไว้วางใจนายอนุทิน เมื่อ 20 ก.พ.64 ก็ไม่ได้โหวตให้ฟรี แต่กินกล้วยเต็มอิ่มไปแล้ว สถานการณ์ช่วงนี้แม้ เสี่ยหนู ยืนยันจะอุ้มรัฐบาลให้อยู่ครบเทอม แต่เลือกตั้งครั้งหน้า เสี่ยหนู ฝันที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ช่วงนี้ก็สะสมกล้วย สะสม ส.ส.และเก็บแต้มทางการเมืองไปเรื่อยๆ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในอนาคต…0
ประเด็นร้อนเรื่องการรักษาไวรัสโควิด-19 เมื่อมีการเตรียมยกเลิกโรคโควิด-19 จาก ภาวะฉุกเฉินวิกฤต (UCEP Covid) ทำให้ฝ่ายค้านออกมาถล่มยับ ขณะที่หลายฝ่ายก็มีเหตุผลน่ารับฟัง นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ แสดงความเห็นด้วย เพราะ “ความรุนแรงของโรคลดลง อัตราการเสียชีวิตน้อยกว่าเดิมอย่างน้อย 6 เท่า อาการของโรคส่วนใหญ่เหมือนหวัดธรรมดา โดยเฉพาะคนที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว รัฐต้องเก็บงบประมาณไว้ดูแลรักษาโรคอื่นๆ ด้วย รัฐต้องสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ อย่าวิตกกังวลมากเกิน” จะว่าไปแล้วประเทศไทยดูแลผู้ติดเชื้อโควิดดีกว่าทุกประเทศในโลกด้วยซ้ำ อย่างประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ ใครติดโควิดก็ให้รักษาตัวอยู่ที่บ้าน ถ้าอาการหนักถึงจะมีรถมารับไปโรงพยาบาล บ้านเรากักตัวนอนฟรีกินฟรี บางคนเข้า Hospitel และโรงพยาบาล อาการดีขึ้นแล้ว บาง รพ.ก็ยังไม่ให้กลับบ้าน หวังจะเคลมค่ารักษาพยาบาลจากรัฐให้ได้เยอะๆ ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,373 ราย อยู่ระหว่างรักษา 132,728 ราย อาการหนัก 702 ราย ใน 1.3 แสนรายนี้ ถ้าอาการไม่หนักก็ควรให้กล้บบ้านได้ เพื่อไม่ให้รัฐต้องแบกค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็น ซึ่งจะกระทบต่อการรักษาโรคอื่นๆ ด้วย…0.
แซมซาย