เหยื่อถูกสวมสิทธิที่ จ.ชัยภูมิ แห่เข้าพบตำรวจยืนยันไม่มีส่วน เกี่ยวข้องกับขบวนการโกงเงินโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “คนละครึ่ง” อ้างถูกเชิญชวนหวังอยากได้เงิน 800 บาท ส่วนคดีครูโกงสิทธิชาวบ้านที่ จ.ขอนแก่น พ่อเมืองหมอแคนเผยสรุปคดีมีชาวบ้านเป็นผู้เสียหาย 879 ราย กระจาย 5 อำเภอ ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการแจ้งข้อหาฉ้อโกงรัฐ
จากคดีที่ตำรวจกองปราบปรามบุกเข้าจับกุมผู้ประกอบการโรงแรมและร้านค้า ที่มีพฤติกรรมทุจริตในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “คนละครึ่ง” โดยที่ จ.ชัยภูมิ ทราบว่ามีการทุจริตในลักษณะดังกล่าวหลายราย จับกุมผู้ต้องหารวม 36 ราย ตรวจพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุใน อ.เมืองชัยภูมิร่วม 800 คน เป็นเหยื่อถูกหลอกสวมสิทธิเพื่อแลกกับเงิน 800 บาท ภายหลังชาวบ้านต่างทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อยืนยันไม่มีส่วนรู้เห็นกับขบวนการสวมสิทธิ เพียงแต่อยากได้เงิน 800 บาทเท่านั้น
ความคืบหน้าเมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 ก.พ. ผู้สูงอายุ ร่วม 100 คน ทยอยเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อสอบปากคำ โดยนางสายัญ วงษาเนาว์ อายุ 69 ปี ชาวบ้านขี้เหล็กใหญ่ หมู่ 9 ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ 1 ในชาวบ้านที่ถูกสวมสิทธิ เปิดเผยว่า ช่วงนั้นมีคนที่รู้จักกันในหมู่บ้านพูดชักชวนหากอยากได้ เงินเร็วจากรัฐบาลให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนด้านหน้าและด้านหลังนำไปแลกเงิน 800 บาท แต่ตนไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรต่อ ด้วยความอยากได้เงินจึงยอมทำตาม มารู้ภายหลังว่าถูกหลอกนำสำเนาบัตรประชาชนไปใช้ “สิทธิเราเที่ยวด้วยกัน” เมื่อตำรวจแจ้งให้มารายงานตัว ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งโกงเงินรัฐ
ส่วนคดีว่าที่ ร.ต.ภูผาภูมิ โมรีย์ อายุ 40 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านหนองผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น และพวก ถ่ายรูปบัตรประชาชนของชาวบ้าน แล้วนำไปลงทะเบียนสวมใช้สิทธิในโครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถลงทะเบียนใช้สิทธิ แห่กันนำเอกสารและหลักฐานเข้าแจ้งที่ตำรวจ สภ.บ้านฝาง และ สภ.หนองเรือ ต่อมาตำรวจจับกุมว่าที่ ร.ต.ภูผาภูมิ และครูผู้หญิงอีก 4 คน
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่สรุปรายละเอียดส่งไปยังกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีชาวบ้านเป็นผู้เสียหาย 879 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.บ้านฝาง อ.หนองเรือ อ.โคกโพธิ์ไชย และ อ.ภูผาม่าน ส่วนมูลค่าความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเหตุในพื้นที่ จ.ขอนแก่นนั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องให้กระทรวงการคลังเป็นฝ่ายสรุป และสั่งการมายังเจ้าหน้าที่ จ.ขอนแก่นว่าจะดำเนินการอย่างไรในขั้นตอนต่อไป
ผวจ.ขอนแก่นเปิดเผยอีกว่า ในส่วนของทางคดีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนชาวบ้านเป็นผู้เสียหายครบทุกปาก และจับกุมผู้ก่อเหตุแล้ว เหลือเพียงกรณีของการฉ้อโกงที่รัฐเป็นผู้เสียหาย เป็นเจ้าหน้าที่หรือกระทรวงที่ดูแลงบประมาณในโครงการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน จะดำเนินการแจ้งความต่อไป
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอเรื่อง “แฉกลโกง เราชนะ รับ ซื้อ-ขายสิทธิ ชาวเน็ตโผล่แฉ ร้านค้าให้แลกเงิน” ว่ารูปแบบของเหล่ามิจฉาชีพ จะแอบอ้างประกาศซื้อขายสิทธิ หรือรับแลกเปลี่ยนเงินที่ได้รับในแอปพลิเคชันเป็นเงินสด เงื่อนไขของโครงการระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่สามารถใช้สิทธิของผู้อื่นได้ และเงินที่ได้รับจากโครงการไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสด นอกจากนี้ยังอาจมีมิจฉาชีพบางคนทำการปลอมเว็บไซต์ ใช้ชื่อเว็บไซต์ที่คล้ายกับเว็บไซต์ของรัฐบาลที่ให้ประชาชนไปลงทะเบียนรับสิทธิ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต และเมื่อประชาชนมาลงทะเบียนในเว็บไซต์ปลอมแล้ว จะนำข้อมูลส่วนตัวต่างๆของเหยื่อไปใช้ จนเหยื่อหรือผู้อื่นได้รับความเสียหาย ขอประชาสัมพันธ์ยืนยันว่า ช่องทางที่รัฐบาลจัดทำสำหรับโครงการเราชนะ มีเฉพาะเว็บไซต์ “www.เราชนะ.com” และรับเงินช่วยเหลือผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เท่านั้น