เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 ธ.ค.2565 ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทธา รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ,พ.ต.อ.ณัฎฐ์ โหม่งพุฒ ผกก.สืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ภ.จว.ขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายชานนท์ พิมพ์สิน หรือโต้ง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 250 ม.11 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น,นายสุรเดช สมสวัสดิ์ หรือแพ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 459 ม.8 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น และ น.ส.ภัทรภร หรือออฟ ใสฮาด อายุ 40 ปี พร้อมของกลาง อาวุธปืนพกสั้น 4 กระบอก,สร้อยคอทองคำรูปพรรณ,คอมพิวเตอร์โนตบุค,พระเครื่อง และทรัพย์สินมีค่าต่างๆรวมกว่า 52 รายการ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ภายในบ้านพักที่ บ.หนองไฮ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น
พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พบว่ามีประวัติในการก่อเหตุลักทรัพย์มาอย่างโชกโชน เข้าและออกเรือนจำมาหลายครั้ง ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปี 2562 และตระเสนลักทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง และก่อนถูกจับกุมก่อเหตุมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ครั้ง ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น โดยนายชานนท์ตะทำหน้าที่ขับรถ นายสุรเดช ทำหน้าที่เข้าไปลักทรัพย์ ขณะที่ น.ส.ภัทรภร ทำหน้าที่ดูต้นทาง ,นำทรัพย์สินที่ได้ไปขายและคอยดูว่าตำรวจจะตามจับกุมหรือไม่ โดยล่าสุดก่อเหตุลักทรัพย์บ้านเลขที 496 ม.28 ต.ศิลา โดยได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้ง จึงทำการแกะรอยคนร้าย ควบคู่กับการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและกลุ่มต้องสงสัยจนกระทั่งพบนายชานนท์สวมใส่รองเท้า สีแดง ซึ่งตรงกับประวัติอาชญากรรมและข้อมูลกลุ่มคนต้องสงสัย จึงทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบจุดเกิดเหตุและเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี
“นอกจากรองเท้าสีแดงที่คนร้านใช้ในการก่อเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่ยังคงมีการตรวจสัญญ่ณไอแพด ที่คนร้ายขโมยไป จนกระทั่งพบสัญญาณอยุ่ที่ บ.หนองไฮ และตรงกับฐานข้อมูลประวัติของคนต้องสงสัย ก่อนจะเข้าทำการจับกุมได้ภายในบ้านพักที่ บ.หนองไฮ ซึ่งพบทรัพย์สินมีค่าที่คนร้ายขโมยมาหลายรายการ ทั้งยังคงตรวจพบยาเสพติด จึงทำการควบคุมตัวผุ้ต้องหาทั้งหมดมาทำการสอบสวน ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องการรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 496 ม.28 จริง เมื่อวันที 30 พ.ย.ที่ผ่านมาโดยขับขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านและตระเวนหาเหยื่อจนกระทั่งพบบ้านหลังดังกล่าวไม่มีคนอยู่จึงใช้ไขควงและอุปกรณ์งัดแงะ งัดประตูบ้าเข้าไปและขโมยทรัพย์สินและอาวุธปืนไป ซึ่งทรัพย์สินต่างๆอยู่ในระหว่างการเตรียมนำไปจำนำและจำหน่ายก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว”
พล.ต.ต.นพเก้า กล่าวต่ออีกว่าผู้ต้องหาทั้งหมด รู้จักกันมานาน มีพฤติกรรมลักทรัพย์และพัวพันกับยาเสพติด และกลับมาก่อเหตุลักทรัพย์อีกครั้งเรียกได้ว่ายึดการลักทรัพย์เป็นอาชีพ และหารายได้ที่จะนำเงินมาใช้จ่าย อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ของสภ.เมืองขอนแก่น และดำเนินคดีในข้อหาเสพและมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อเสพและจำหน่ายรวมทั้งลักทรัพย์ในเคหสถาน ขณะที่ทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ที่ตรวจยึดมาได้นั้นยังคงถูกอายัดไว้ซึ่งหากผู้เสียหายที่คาดว่าจะถูกผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าวเข้ามาก่อเหตุขโมยทรัพย์สินไปสามารถที่จะติดต่อมาได้ที่ สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 52 รายการคิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 600,000 บาท