เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 12 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้เผยแพร่คำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ลิลลี่ (ขอสงวนนามสกุล) เป็นจำเลยในฐานความผิด “เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไป เพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม” หลังติดต่อแฟนคลับที่เป็นเด็กสาววัย 18 ปี ให้ไปมีเพศสัมพันธ์กับแร็ปเปอร์ชื่อดัง เหตุเกิดระหว่างวันที่ 6-11 ก.พ.64 ที่บ้านพักของแร็ปเบอร์ ในตำบลศิลา อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง โดยเชื่อตามหลักฐานการสนทนาทางโซเชียลมีเดีย พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนที่ผู้เสียหายเรียกร้องเงินชดเชย 3 ล้านบาท ศาลให้ยกคำร้อง เพราะเชื่อว่า ผู้เสียหายสมัครใจมีเพศสัมพันธ์
ทั้งนี้ คำฟ้องโดยสรุปของพนักงานอัยการ ระบุว่า จำเลยบังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ ระหว่างวันที่ 6-11 ก.พ.64 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น โดยกระทำการเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งนางสาวดำ (ขอสงวนชื่อจริง) ผู้เสียหาย อายุ 18 ปี เพื่อการอนาจารให้มีเพศสัมพันธ์กับนายแร็พ (ขอสงวนชื่อจริง) และผู้เสียหายได้มีเพศสัมพันธ์กับนายแร็พ จนสำเร็จความใคร่ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 15 มี.ค.64 ภายหลังการกระทำผิด จำเลยได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
ในส่วนของผู้เสียหายยังขอเรียกค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 คำร้อง ระบุว่า ขณะเกิดเหตุผู้ร้องมีอายุเพียง 18 ปี อายุยังน้อยด้อยภาวะและการศึกษา และยังคงศึกษาอยู่ และมีภูมิลำเนาอยู่ จ.สตูล ถูกจำเลยกระทำการเพื่อสนองความใคร่ของนาย ท.เป็นธุระจัดหาและล่อลวงไปเพื่อการอนาจารซึ่งผู้ร้อง มายังจังหวัดขอนแก่นด้วยค่าใช้จ่ายหรือค่าเดินทางของจำเลย
โดยจำเลยลวงผู้ร้องว่า ให้มาคอยดูแลและให้ช่วยงานนายแร็พ ขณะเตรียมทำเพลง เนื่องจากนายแร็พ เป็นศิลปินนักร้องใน จ.ขอนแก่น และผู้ร้องเป็นแฟนคลับเท่านั้น ไม่ได้แจ้งว่า ผู้ร้องต้องสนองความใคร่แต่อย่างใด หากผู้ร้องรู้ ผู้ร้องคงไม่ได้เดินทางมาหาจำเลยและนายแร็พ ซึ่งจำเลยแจ้งผู้ร้องว่า จะให้มาช่วยงานประมาณ 10 วัน มีค่าจ้างวันละ 1,000 บาท ที่พักและอาหารฟรี รวมถึงค่าเดินทางไปกลับระหว่าง จ.สตูล-ขอนแก่น จำเลยจะออกให้ทั้งหมด
อีกทั้งจำเลยยังหน่วงเหนี่ยวผู้ร้องไว้ระหว่างวันที่ 6-11 ก.พ.64 โดยผู้ร้องอยู่ภายในที่พักที่จำเลยจัดหาไว้เท่านั้น เพื่อสนองความใคร่ของนายแร็พ ต่อไปเป็นจำนวนหลายกรรมต่างกัน
ผู้ร้องยังเด็กและมีภูมิลำเนาอยู่ จ.สตูล อยู่ต่างพื้นที่ เดินทางมาคนเดียว ไม่มีที่ไปหรือที่พึ่งในขณะเกิดเหตุ และกำลังสับสนและกลัว จึงขาดภาวการณ์ตัดสินใจอย่างเท่าทันและรอบคอบ จึงได้ยินยอมจำเลยและนายแร็พ ไปก่อนในขณะนั้นโดยไม่เต็มใจ
ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ล่อลวงผู้ร้องไปดังกล่าว เป็นเหตุทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย อับอาย และเมื่อผู้ปกครองผู้ร้องทราบจากการเป็นข่าวทางทีวีและสื่อโซเชียล ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้ร้องจึงขอเรียกค่าสินไหมทดแทนอื่นๆ อันมิใช่ตัวเงินสำหรับที่ผู้ร้องต้องเสียหายจากการละเมิดของจำเลยและสูญเสียสิทธิเสรีภาพ ที่เป็นเหตุให้ต้องได้รับความเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัส ตลอดจนได้รับความอับอายทั้งตัวผู้ร้องและผู้ปกครอง
ผู้ร้องจึงขอศาลได้โปรดมีคำพิพากษาบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวนเงินทั้งสิ้น 3 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี