ผ่านวันแรกของการลงสมัครเลือกตั้งชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครขอนแก่นและสมาชิกสภาเทศบาล มีผู้สมัคร 4 คน ไปประกาศตัวลงชิงเก้าอี้โดยมีอดีตนายกเล็กคนเดิมอย่าง นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ ที่นั่งเก้าอี้มาตั้งแต่ปี 2555 รวมระยะเวลาอยู่ในตำแหน่ง 8 ปี ซึ่งจับได้หมายเลข 3 และลงแข่งขันในนามกลุ่ม “รักพัฒนานครขอนแก่น” ส่วนอดีตรองนายกเทศมนตรีฝ่ายการศึกษาที่มาจากกลุ่มเดียวกันแต่คราวนี้แยกตัวออกเพื่อสมัครลงชิงชัยเก้าอี้นายกฯด้วยคือ นายชชวาล พรอมรธรรม หรือรองโด่ง ที่จับได้เบอร์ 2 ส่วนอีก 2 คนคือ นายวสันต์ ชูชัย ทนายความที่บอกว่าเป็นคนรุ่น 14 ตุลา และที่ผ่านมาเคยลงสมัครเพื่อชิงเก้าอี้นี้มาก่อนเมื่อปี 2555 แต่แพ้นายกธีระศักดิ์ไป และประกาศว่าตัวเองเป็น “นายกฯบาทเดียว “ได้คะแนนเสียงมา 4 พันคะแนนในสมัยนั้นจับได้หมายเลข 1 ส่วนหมายเลข 4 คนสุดท้าย นายชานนท์ นาประเสริฐกูล จากกลุ่มอิสระ ลูกชายเจ้าของบริษัทชาญทัวร์ ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นสท.มาก่อนแต่กระโดดมาลงสมัครในครั้งนี้ด้วย
โดยบรรยากาศช่วงเช้าที่เทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครเป็นไปอย่างคึกคัก โดยผู้สมัครทุกคนมาก่อนเวลา 08.00 น. มีกองเชียร์มาเชียร์กันพอเป็นกระสายแต่ไม่มากเท่าปีก่อน ๆ เพราะมีมาตรการป้องกันเรื่องไวรัสโควิด-19 โดยกองเชียร์ที่แน่นหนาที่สุดคือกองเชียร์ของหมายเลข 3 อดีตนายกฯที่เพิ่งลงจากตำแหน่ง

- ร้องผู้ว่าฯชาวบ้าน 70 รายถูกอบต.สมอแขขับไล่ออกจากที่ดิน
- ทำบุญครบรอบ 1 ปี จ่าคลั่งกราดยิงกลางเมืองโคราช
- ลูกเห็บตก”ดอยช้างมูบ”จนขาวโพลน
ภายหลังการรับสมัครแล้ว นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์ เปิดเผยถึงนโยบายที่จะสานต่อสิ่งที่ทำค้างเอาไว้ประกอบด้วย โครงสร้างพื้นฐาน ซ่อมแซม ถนน ท่อระบายน้ำ ไฟฟ้า จุดระบายน้ำท่วมซ้ำซาก ที่มีการชำรุดอยู่ตลอดต้องดำเนินการให้เรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการไปแล้ว 8 ปี จาก 21 จุดที่เป็นน้ำท่วมซ้ำซากเราสามารถแก้ไปแล้ว ในส่วนของไฟฟ้าเราดำเนินการไปนับหมื่นหลอด
เป้าหมายใหม่ต่อจากนี้ไป ถ้าเขตเทศบาลนครที่ไหนไม่มีไฟฟ้าจะต้องมีไฟฟ้า มีแสงสว่าง ต้องมีหลอดไฟนีออนเปลี่ยนทุกจุดเป็นหลอดแอลอีดี ถนนที่ชำรุดมีการแก้ไขซ่อมแซมแต่ไม่ใช่เป็นการเผาผลาญงบประมาณดำเนินเฉพาะจุดที่มันเสีย นอกจากนั้นคือการพัฒนาคน เราเริ่มต้นจากคำว่าศรัทธาในภาคประชาชนในอดีตที่ผ่านมาพื้นฐานที่เราทำคือการสร้างความเข้มแข็งของภาคประชาชนและส่งเสริมการมีส่วนร่วมจนกระทั่งปัจจุบันก่อให้เกิดเครือข่ายมากมายที่มีความเข้มแข็งมีพลังออกมาช่วยเหลือในการสร้างบ้านเมืองเช่นการพัฒนาการสูงสุดของภาคเอกชนรวมตัวกันจัดตั้งบริษัทและสนับสนุนโครงการที่ผ่านมาในอดีตคือโครงการรถไฟฟ้ารางเบาซึ่งตอนนี้มาถึงตอนปลายซึ่งจวนจะเริ่มต้นสามารถดำเนินการได้เสร็จแล้ว
“นอกจากนั้นยังมีเรื่องการการดำเนินการใหม่ของเราจะดำเนินการภายใต้ชื่อ “ขอนแก่นฟันด์” หรือกองทุนหนุนคนขอนแก่นเราจะประสานกับเครือข่ายทางด้านสถาบันการเงินทั้งบริษัทเอกชนทั้งภาครัฐเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ขาดโอกาสทางด้านทุนให้มาเจอกันไม่เช่นนั้นปัญหาที่ผ่านมาเขาไปเข้าหาสถาบันการเงินเนื่องจากว่ามีข้อจำกัดมากมายสุดท้ายต้องกลายเป็นเหยื่อของการกู้หนี้นอกระบบดอกเบี้ยร้อยละ 10 – 20 ซึ่งไม่เป็นธรรมเราจะนำผู้ที่ต้องการโอกาสและทนที่สามารถสนับสนุนได้ให้มาเจอกันถ้าเขาสามารถหยุดหนี้นอกระบบได้ก็สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้”นายธีระศักดิ์ กล่าว

ในขณะที่หมายเลข 2 นายชชวาล พรอมรธรรม ในนามของกลุ่มรักพัฒนานครขอนแก่นอีกคน บอกว่า เริ่มทำงานการเมืองท้องถิ่นตั้งแต่ปี 2538 และเป็นสมาชิกกลุ่มรักพัฒนานครขอนแก่นมาตลอด และการลงชิงเก้าอี้นายกฯครั้งนี้เพราะมีความพร้อม และอยากจะเชิญชวนชาวขอนแก่นมาร่วมเปลี่ยนแปลงเมืองขอนแก่นให้ดีกว่าเดิม ซึ่งตนมีความมั่นใจมากในการจะขอรับหน้าที่นี้และจะมาพัฒนาเมืองของเราในครั้งนี้

ในขณะที่ผู้สมัครหมายเลข 4 นายชานนท์ นาประเสริฐกูล จากกลุ่มอิสระ ลูกชายเจ้าของบริษัทรถทัวร์ใหญ่ของขอนแก่น ที่เคยร่วมเป็นสมาชิกสภาเทศบาลของนายธีระศักดิ์มาก่อน บอกว่า มีความมั่นใจ และมีความหวังอยากจะเป็นคนหนึ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองขอนแก่นอยากให้เมืองขอนแก่นพัฒนาเพราะตนเป็นลูกหลานชาวขอนแก่นเจอปัญหาต่าง ๆ ที่อยู่ในเมืองซึ่งหวังว่าจะได้มีโอกาสมาพัฒนาเมืองขอนแก่นโดยการพัฒนาคือเริ่มต้นจากปัญหาเดิมที่มีอยู่ที่เห็นในปัจจุบัน จะค่อยๆปรับปรุงและนำไปคิดต่อว่าเราจะต่อยอดกันอย่างไร วันนี้อยากให้ชาวขอนแก่นออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเพื่อร่วมกันรักษาประชาธิปไตยเพื่อประชาธิปไตยจะได้ยั่งยืนเจริญและฝากไว้มาใช้สิทธิ์ใช้เสียงกันเยอะ ๆ อย่าลืมเบอร์ 4

ส่วนหมายเลข 1 นายวสันต์ ชูชัย บอกว่า การลงสมัครนายกเทศมนตรีนครขอนแก่นในครั้งนี้ลงเพื่อที่จะเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง เพราะการเมืองเทศบาลที่ผ่านมาเป็นการบริหารโดยการผูกขาด โดยกลุ่มผู้บริหารและกลุ่มนิติบัญญัติเป็นกลุ่ม สท.เดียวกันและอยู่กันมานานแล้ว กลุ่มรักพัฒนานครขอนแก่นนี้สืบต่อเนื่องกันมา 20 กว่าปี วันนี้คิดว่าการบริหารภายใต้งบประมาณปีละพันล้านบาทเศษมันสมควรที่จะให้กลุ่มอื่นเข้ามาบริหารตนเป็นทนายความไม่มีธุรกิจรองรับมีเจตนาที่จะเข้ามาทำงานเพื่อสร้างความอยู่ดีมีสุข โดยมีนโยบายหลักจะเข้ามาแก้ปัญหาพื้นฐานความเป็นอยู่คุณภาพชีวิตต้องดี ปัญหาพื้นฐานถนนหนทางไฟฟ้าประปา สุขภาพอนามัยในทุก ๆ ด้านตามอำนาจหน้าที่เทศบาล
“ผมวันนี้ผมเข้ามาในนามกลุ่มคนรุ่นใหม่ต้านทุจริต ซึ่งเราก็มีหลักคิดหัวข้อของเราในนามกลุ่มว่าเปลี่ยน ถึงเวลาเปลี่ยนคนรุ่นใหม่พร้อมกันพัฒนาพร้อมท้องถิ่น ตรงนี้หมายความว่าถ้าเราสามารถเปลี่ยนแปลงการบริหารเทศบาลได้โดยมีผมและทีมงานฝ่ายบริหารที่ปรึกษาที่เราพร้อมจะเข้ามาทำงานภายใต้การยึดหลักทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริงไม่มีผลประโยชน์เข้ามาผมว่าประชาชนจะได้ประโยชน์ เพราะผมเองเคยลงสมัครส.ส.มา 3 ครั้งแล้ว เป็นคนเดือนตุลาต่อสู้มามากครั้งนี้ก็จะต้องสู้และขออาสามารับใช้ประชาชน”นายวสันต์ กล่าว

เรื่องโดย สุมาลี สุวรรณกร | ภาพโดย กวินทรา ใจซื่อ

