สธ.เผยเห็ดป่า ดอกตูมเสี่ยงเป็นเห็ดมีพิษ เตือนประชาชนไม่ควรเก็บหรือนำมารับประทาน
กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนที่เก็บหรือซื้อเห็ดป่าในช่วงหน้าฝนนี้ ให้ระมัดระวังเห็ดที่มีพิษ หากกินเข้าไปเสี่ยงต่อการเสียชีวิต จากสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดพิษในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 6 มิถุนายน 2564 พบผู้ป่วย 218 ราย พบในกลุ่มอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปมากที่สุด รองลงมาอายุ 45-54 ปี และอายุ 35-44 ปี ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานพบผู้เสียชีวิตจากการรับประทานเห็ดพิษในแหล่งเดียวกัน จำนวน 2 ราย ที่จังหวัดยโสธร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในหน้าฝน ย้ำหากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าจะเป็นเห็ดมีพิษ ไม่ควรนำมาปรุงอาหาร
นายแพทย์สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.ขอนแก่น มีความห่วงใยต่อประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานเห็ดป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เนื่องจากเห็ดป่ามีทั้งเห็ดที่สามารถนำมากินได้และเห็ดที่มีพิษซึ่งมีลักษณะคล้ายกันมาก อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ เมื่อนำมาปรุงเป็นอาหารรวมกับเห็ดชนิดอื่น จะอาจทำให้เกิดพิษได้ โดยเฉพาะเห็ดที่ยังดอกตูม จะแยกชนิดของเห็ดไม่ได้ว่าเป็นเห็ดมีพิษหรือเห็ดที่สามารถกินได้ เช่น เห็นไข่ห่านเหลือง และเห็ดไข่ห่านขาว เห็ดทั้งสองชนิดขณะเป็นดอกตูม ลักษณะจะเหมือนเห็ดระโงกหินทั้ง ขนาด สี ก็ยังเหมือนกันอีกด้วย จึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังเห็ดที่มีลักษณะดอกตูมมาปรุงเป็นอาหาร ถึงแม้จะเพียงดอกเดียวก็ตาม โดยพิษของเห็ดที่กินเข้าไปจะไปสะสมอยู่ในตับ ทำให้ตับวายและอาจเสียชีวิตได้ใน 14 วัน เห็ดป่าในกลุ่มเห็ดระโงกพิษ ซึ่งมีชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่นต่างไปในแต่ละภาค ในภาคเหนือเรียกเห็ดไข่ห่าน เห็ดโม่งโก้ง ภาคอีสานเรียกเห็ดระโงกหิน เห็ดระงากหรือเห็ดสะงาก เห็ดระโงกตีนตัน ซึ่งมีรูปร่างคล้ายคลึงกันมากกับเห็ดที่กินได้ โดยเฉพาะเห็ดดอกอ่อนที่มีลักษณะเป็นก้อนกลมรีคล้ายไข่ที่ดอกยังบานไม่เต็มที่ ทั้งนี้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้ทดสอบความเป็นพิษของเห็ด เช่น การจุ่มช้อนเงินลงไปในหม้อต้มเห็ด การนำไปต้มกับข้าวสาร หรือใช้ปูนกินหมากป้ายที่ดอกเห็ด ถ้าเป็นเห็ดมีพิษจะกลายเป็นสีดำ ซึ่งวิธีเหล่านี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการอ้างอิงในการใช้ทดสอบพิษกับเห็ดกลุ่มนี้ได้ โดยเฉพาะเห็ดระโงกที่มีพิษทนต่อความร้อน แม้จะปรุงให้สุกก็ไม่สามารถทำลายพิษนั้นได้ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเห็ดร่วมกับดื่มสุรา เพราะฤทธิ์จากแอลกอฮอล์จะทำให้พิษเห็ดแพร่ กระจายไปอย่างรวดเร็วและทำให้อาการรุนแรงขึ้นด้วย หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียหลังจากกินเห็ดป่าเข้าไป ไม่ควรล้วงคอหรือให้กินไข่ขาวดิบเพื่อกระตุ้นให้อาเจียน เพราะอาจทำให้เกิดแผลในคอ และการกินไข่ขาวดิบจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยท้องเสียเพิ่ม หรือติดเชื้อได้ ให้รีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการรับประทานเห็ดโดยละเอียด พร้อมกับนำตัวอย่างหรือภาพถ่ายเห็ดพิษไปด้วย หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
*********************
ที่มา : พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพ ฉบับที่ 23/2564 กองโรคติดต่อทั่วไป/ สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
เผยแพร่ : กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงโรคและภัยสุขภาพ
สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น
http://odpc7.ddc.moph.go.th
ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ [email protected]