สืบเนื่องจากสิงหาคม 2563 นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล โจทก์ ผอ.รพ.ขอนแก่น ได้ยื่นฟ้อง นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ที่1 ปลัดสธ. นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ที่2 รองปลัดสธ. นพ.อภิชาติ รอดสม ที่3 นายเสมอ กาฬภักดี ที่4 นายสุจินต์ สิริอภัย ที่5 นส.สุชาฎา วรินทร์เวช ที่6 นายวินัย คณาศรี ที่7 จำเลย เป็น คดีหมายเลขดำที่ อท.112/2563 ฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค4 จากกรณีที่ถูกร้องเรียนกล่าวหาว่า เรียกรับเงินจากบริษัทและร้านค้า ทั้ง ๆที่สำนักงาน ปปช.และกระทรวงสธ.สั่งให้ยกเลิกการรับเงินไปแล้ว
นพ.สุขุม มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกก.สอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งกระทรวงสธ.ที่1161/2562 ลงวันที่ 24 ต.ค.62 ผลสอบมีมูล
นพ.ยงยศ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกก.สอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงและมีคำสั่งย้ายโจทก์ไปรับราชการที่อื่นและให้นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ์ ไปรักษาการในตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่นแทนโจทก์ นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 2 เม.ย. 2564 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีนี้แล้ว
โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 แต่งตั้งคณะกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกม. เมื่อผลการสอบมีมูล เนื่องจาก รพ.ขอนแก่นยังมีการรับเงินจากบริษัท ร้านค้า ผู้ขายยา ต่อไปอีก พยานบุคคลและพยานเอกสารที่ได้จากการตรวจสอบของจำเลยที่ 3-7 เพียงพอแก่การวินิจฉัยข้อเท็จริงแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 3 -7 จึงชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกม.
และเมื่อผอ.กลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรมได้เสนอการแต่งตั้งคณะกก.สอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่โจทก์ และจำเลยที่2ลงนามในคำสั่งดังกล่าว จึงชอบด้วยกฎหมาย
ต่อมาจำเลยที่1ออกคำสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการที่อื่นเนื่องจากเจ้าหน้าที่รพ.ขอนแก่น ชุมนุมคัดค้านการแต่งตั้งคณะกก.สอบสวนทางวินัยร้ายแรงแก่โจทก์ แต่โจทก์ในฐานะผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ระงับยับยั้งแต่ไม่ดำเนินการ การชุมนุมปรากฏในสื่อมวลชนเป็นการกล่าวร้ายและใส่ร้ายผู้บังคับบัญชา เป็นพฤติกรรมหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมาย มีภาพโจทก์กล่าวปราศรัยต่อผู้ชุมนุมด้วย
พฤติกรรมของโจทก์จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ในการปฏิบัติตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากให้โจทก์อยู่ปฏิบัติราชการในฐานะผอ.รพ.ขอนแก่นยิ่งเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ข้าราชการ และความเข้าใจผิดของประชาชนมากขึ้น และเพื่อให้การดำเนินการสอบสวนทางวินัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
เมื่อปรากฏว่ายังมีการรับเงินบริจาคบริษัทร้านค้าที่ขายยาอยู่อีกในขณะโจทก์ดำรงตำแหน่งผอ.รพ.ขอนแก่นย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน หากโจทก์ยังคงปฏิบัติราชการในตำแหน่งดังกล่าวย่อมไม่เหมาะสม เนื่องจากพยานหลักฐานต่างๆอยู่ในโรงพยาบาล อาจส่งผลเป็นการจูงใจ หรือข่มขู่ต่อพยานในการสอบสวนทางวินัย